วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เนื้อเพลง: รัก (ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ) เพลงรักแนะนำที่คุณต้องฟังสักครั้ง


เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง

เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมาก
เหมือนที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

โอ้...เธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร



รัก - ปุ๊ อัญชลี

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความรู้สึก... ระยะห่างของอีกคน

วันเวลาที่ผ่านมา ชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา ......บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป

แต่กลับบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น.. จากคนแปลกหน้า
กลายเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย ล่วงเลย ไปถึงกลายเป็นคนรักกัน

เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
สถานภาพทางความรู้สึกของเราก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จักคนคุ้นเคย

หรือ

คนรักกันไว้ได้อย่างคงที่…

บางคน เปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนคุ้นเคย…
จากคนเคยคุ้น กลายมาเป็น คนรักกัน ..
ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้ …
และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น ..

แต่ในทางกลับกัน..
ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น ...กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก ..
กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป ..

แน่นอนว่า ระยะห่างของคนรู้จัก กับ คนรัก ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ..

ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา พอ ๆกับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก..
ไม่มีมาตราวัดใด ๆที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
และระยะห่างในแต่ละสถานภาพทางความรู้สึกในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน..
เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน 1
ในความรู้สึกของคนหนึ่ง อาจจะเป็น 100 ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้ ..

และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน ...
เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว
เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ..
กับคนบางคน เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง
กับคนบางคน เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่ . .....
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป..
แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่
ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด..

เคยรู้สึกใช่ไหมว่า ..
ขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับกำลังเดินหนี
กับบางคนเรากำลังเดินหนี บางคนกลับเดินตาม…
กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มาก
แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน..
ขณะที่บางคนวิ่งตาม ล้มลุกคลุกคลานและเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
และขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน
อะไรก็เกิดขึ้นได้ กับความรู้สึกคน..
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น

บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้ บนความห่าง ห่างจนลับตา ..
ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน
ไม่เคยรับรู้ว่า .. ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน

แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องห่างไป แต่ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้ .. ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ
การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน… บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต..
ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม..

ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของเวลา ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย…
ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหาริย์..

เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา
ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง ระยะห่างจะได้สั้นลง พยายามต่อไป
เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่าความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า

ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี
ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดี ๆ ไปเพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน

เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน
เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่า การพยายามเดินเข้าใกล้หรือห่างหนี..เสียอีก..

แล้วคุณ ๆ เล่า
เคยนึกย้อนกลับมามอง ระยะห่าง ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม..

เคยรู้สึกไหมว่า บางที ความห่างไกล กับ ระยะห่างของความรู้สึกเป็นกลับเป็นตัวแปรผกผันกัน

เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างทั้งที่ตัวอยู่ใกล้ๆ
หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึกทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล กันบ้างไหม.

เคยคิดกันบ้างไหมว่า
ระหว่างคนพยายามเดินหนี
คนที่พยายามเดินตาม
และคนที่พยายามยังไงระยะห่างกลับเท่าเดิม
คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน....

http://www.saranair.com/article.php?sid=12640

รักนี้เพื่อใคร (บทประชดความรัก)

ชีวิตนี้คุณพูดคำว่ารัก "รักเธอ" กี่ครั้ง กับคนกี่คน
แต่ละคน คุณพูดว่า "รักเธอสุดหัวใจ" รึเปล่า
แล้วตอนนี้ คนที่คุณพูดคำนั้นด้วย ยังอยู่ใกล้ๆ คุณรึเปล่า ???

เคยได้ยินคนที่เค้าคอยเตือนเรามั้ย
ว่ารักใครอย่ารักหมดหัวใจ รักครึ่งเดียวพอ
ใครบางคนไม่ต้องบอก เค้าก้อทำได้ เพราะเค้าอาจไม่เคยรักใครจริงๆ
แต่ใครบางคนรักสุดหัวใจ กับทุกๆ ครั้ง เพราะเค้ามองหาแต่รักแท้

แล้วเคย อกหัก กันบ้างรึเปล่า ???
อย่าบอกเลยนะ ว่าไม่เคย
แล้วเจอแบบไหนกันบ้าง แบบนี้รึเปล่า
เราเป็นเพื่อนกันนะ เราคงไปด้วยกันไม่ได้
แล้วเคยเดินตามเค้าไปมั้ย ว่าเค้าไปกับใครต่อ (ที่ไปด้วยกันได้)

รับรองว่าร้อยทั้งร้อย
ถ้ายังไม่มีใครใหม่ เค้าก้อจะยังสนุกกับของเล่นชิ้นเดิม

แล้วถ้าเค้าทำแบบนั้นกับเรา คุณจะยังรักเค้าอีกมั้ย
ยังรักสุดหัวใจอีกรึเปล่า คุ้มแล้วเหรอ ที่จะเศร้าที่จะเสียใจให้
ไม่คุ้มหรอก คนที่เราสมควรรัก คือคนที่รักเราและหวังดีกับเรา
คนที่จะไม่มีวันทิ้งเราไป คนที่จะยืนอยู่ข้างเราเสมอต่างหากล่ะ

ถ้าเค้ามาผลักให้คุณล้ม
แล้วคุณล้มและร้องไห้อยู่ตรงนั้น คุณก้อคือผู้แพ้
แต่หากคุณไม่ล้ม และยังยืนอยู่อย่างสง่า คุณก้อคือผู้ชนะ
อยากร้องก้อร้องไป ไม่มีใครห้าม
ผมเชื่อว่าวันนึงคุณก้อเบื่อที่จะร้องทุกๆ วัน
อดทนหายใจต่อไปก้อพอแล้ว
แค่หายใจ ไม่หนักหนานี่นา เดี๋ยวก้อดีเอง
ใครๆ ก้อเคยเจอ ใครๆ ก้อเคยเจ็บ
ถ้าทุกคนที่อกหักแล้วต้องตาย โลกนี้คงร้าง

วันนี้หากคุณต้องอยู่คนเดียว (อีกครั้ง)
อย่าลืมถามตัวเองล่ะ ว่ารักที่เคยอยู่ในใจ
คุณจะเก็บเอาไว้เพื่อใคร เพื่อตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ...???

http://www.saranair.com/article.php?sid=6205

Meaning of LOVE

beloved (adj) ที่รัก สุดที่รัก เป็นที่รักยิ่ง เช่น my beloved wife
beloved (n) ผู้เป็นที่รัก
love (n) ความรัก ความชอบ ความใคร่ คนรัก คู่รัก เช่น For all their love
love (vt) รัก ชอบ พอใจ ต้องการ สมสู่ เช่น I would love to have you here (แปลว่า ฉันคงดีใจถ้าเธออยู่ที่นี่)
loveable (adj) น่ารัก น่าชื่นชอบ เช่น She is very loveable
lovability (n) lovableness (n) lovably (adv) มีคุณสมบัติที่ดึงดูดให้คนอื่นมาหลงรัก
loveliness (n) ความน่ารัก ความสวย ความงาม
lovelorn (adj) อกหัก พลัดพราก ถูกทอดทิ้ง (bereft of love or of a lover)
lovely (adj) งาม น่ารัก สวยงาม สวย ดีงาม She is a lovely girl
lovemaking (n) การเกี้ยวพาราสี การจีบ การสมสู่ เช่น Lovemaking is very artful
lover (n) คู่รัก ชู้รัก คนรัก
lovesick (adj) เป็นไข้ใจ
lovesickness (n) การเป็นไข้ใจ
love affair (n) เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ เช่น He was having a love affair (อาจแปลว่า ชู้ มีชู้ ได้ด้วย)
love letter = จดหมายรัก
love song = เพลงเกี่ยวกับความรัก
love story = เรื่องราวความรัก
dearly loved = dear to the heart รักสุดขั้วหัวใจ
fall in love = ตกหลุมรัก เช่น I fall in love with her
in love = อยู่ในห้วงรัก เช่น I am in love. ชื่อหนัง 'Shakespeare In Love'
well-beloved = รักอย่างสุดซึ้งและจริงใจ เช่น my well-beloved wife

รักบางครั้งไม่ได้จบลงที่ คนสองคนอยู่ด้วยกัน

รักบางครั้งไม่ได้จบลงที่ คนสองคนอยู่ด้วยกัน
แต่รักอาจจบลง...ที่ทั้งสองไม่ได้เห็นหน้ากันอีกเลย
ฉันรู้ว่า....ควรรักเธออย่างไร ยอมเข้าใจในความเป็นตัวเธอและฉัน
บางครั้งอาจตรงกันบ้าง..ในบางเวลา
รักโดยไม่หวัง ..สิ่งใดจากเธอเลย...แม้เพื่อเธอจะรักตอบ ....







--------------------------------------------------------------------------------


ความห่างไกล...เป็นแค่เส้นขีดเวลา ให้ห่าง...
แต่ไม่อาจขีดเส้นคั่นระหว่างสองใจได้ ตราบเท่าสองคนยังหยัดยืน
เคียงข้างกันและกัน..............................

หนังสือ กับ ความรัก

...อย่าตัดสินหนังสือว่าดี แค่ปกสวยๆ
...อย่าบอกว่า….น่ารักเหลือเกิน แค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย…ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที่ชอบไม่ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน…มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคนอื่นเสมอ

...อย่าตกใจเมื่ออ่านหนังสือระดับ Best Seller แล้วไม่ชอบ
...ถ้ารักคนคนเดียวกับที่คนอื่นรัก...คงแย่งกันน่าดู

***การชอบหนังสือสักเล่มไม่ได้หมายความว่า..หนังสือเล่มนั้น..เนื้อหาดีทุกหน้า
*** การรู้สึกดีกับใครสักคน..ไม่จำเป็นว่า..เขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
...อย่าเสียดายเวลา ถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า..ไม่ใช่แบบที่ชอบ

จงรู้สึกดีกับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่...
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา… ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน
...แม้วันหนึ่งจะรู้ว่า… เขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อย...เราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นและพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป

…การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา
...เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
...หนังสือมีสิ่งต่างๆ หลากหลายให้ศึกษา
ทดลองอ่านดู…ก่อนที่จะตัดสินว่าน่าเบื่อ

... บางครั้ง…สิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป….
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา…แล้วในตอนจบ
…ก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที่สุด
…เหมือนกับความรัก…
...ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ
…แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาโดยไม่รู้ตัว
อย่างน้อยที่สุด…ก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่งบทเรียน
ที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีรากฐานที่ดีกว่าที่ผ่านมา

… สำหรับฉัน "ความรัก" เปรียบเหมือน..
... การได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม (อ่านทีละเล่มนะจ๊ะ)
แต่ละเล่มที่ผ่านไปสอนให้ฉันเข้มแข็ง…
สอนให้ฉันรู้จักโลกที่เป็นจริง…
และสอนให้ฉันรู้จักใจของตัวเอง
… แม้ว่าตอนจบของแต่ละเล่มจะไม่สมใจ
แต่ฉันก็ไม่คิดจะหยุด ท้อ หรือกลัวที่จะค้นหา
ฉันจะอ่านต่อไป… จนกว่าจะเจอ "หนังสือของฉัน" ^-^


คุณล่ะ…เจอรึยัง?
ถ้าเจอแล้ว…อย่าลังเลที่จะหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
อย่ากลัวที่จะเสียเวลาและผิดหวัง
ไม่แน่นะ…เล่มที่อยู่ในมือตอนนี้น่ะ
อาจจะตรงกับความรู้สึกของคุณที่สุดก็ได้


http://www.saranair.com/article.php?sid=8019

ไม่ควรคู่ ไม่ไช่ไม่คู่ควร

เคยมั้ย ? อ่านบทความของคนอื่น แล้วรู้สึกดี..อย่างบอกไม่ถูก

ชั้น..STICKZER ก้เช่นเดียวกัน *



นี่ก้เป็นเรื่องที่ 3 หรือ 4 ไม่แน่ใจ ที่เขียนบทความขึ้นมา

เขียนขึ้นมาจากค.รู้สึก ,,



ไม่แปลกเลย, ที่แต่ละเรื่องของชั้น

มีค.รู้สึก ที่แตกต่างกันออกไป



,,





ชีวิตฉันในวันนี้..

รู้สึกแปลก ๆ จะดีหรือไม่ดี ไม่แน่ใจ



ชีวิตชั้นเปลี่ยนไป.. ไม่สิ ต้องเป็น..ถูกเปลี่ยนไปมากกว่า *

ตั้งแต่ มาเจอเธอ ,, ก้ตั้งแต่ที่เราเจอกัน นั่นล่ะ ''''





ไม่คิด ไม่เคยฝันด้วยซ้ำ

ว่าเราจะได้ใกล้กันถึงขนาดนี้..





ชีวิตเราสองคน, เหมือนจะตรงข้ามกันทุกอย่าง

ทุกอย่างจริง จริง *



เธอ.. ชอบอะไร ๆ ที่เงียบสงบแต่ไม่มืด ชั้น..ชอบมืด ๆ เงียบ ๆ

เธอ.. ชอบสีขาว สีดำ, ส่วนชั้น..ชอบสีฟ้า เหตุผลก้มันสดใส

เธอ..ชอบคณิตศาสคร์ ส่วนชั้น, เกลียดคณิตศาสตร์เป็นอาจิณ

เธอ..ได้ท้อปสายชั้น ในวิชาเคมี ส่วนชั้น..สอบกี่ครั้ง ๆ ไม่มีวี่แววจะผ่าน

เธอ..ชอบที่จะเล่นเกม ชั้น..ชอบที่จะฟังเพลง

เธอ..ไม่ชอบพูด ชอบเก็บไว้ในใจ ส่วนชั้น..เครียดเมื่อไหร่ ? เป็นต้องระบาย



ชีวิตเรา, ต่างกันมาก *

ซึ่งชั้น ก้เคยบอกเธอไปหลาย ต่อหลายครั้ง



แต่คำพูดเดียว ที่ได้กลับมา..ก้คือ,

' ฟ้า + ดำยังได้สีเทาบลู '



^ ^



คำพูดนี้..ชั้นอาจจะรู้สึกดี ได้มาก

เอาเถอะ อย่างน้อยก้มากกว่าเดิมม ,,,



แต่เธอรู้มั้ย ?

ชั้นรู้สึกว่า..ชั้นเปนดิน ส่วนเทออยู่บนฟ้า

รู้สึกว่าเรา ต่างกันเกินไป.. เรา, น่าจะไป ด้วยกัน..ไม่ได้ - -

รู้สึก หลายๆ อย่าง, ว่าเธอดีเกินไป..

ดีเกินกว่าคนอย่างชั้น จะได้เดินคู่กับเธอ *



ค.รัก มันสั่งให้ชั้น ถอยห่างออกมา..

มันสั่งให้ชั้น, ยิ้มม รับกับคำพูดในสมองชั้น

เธออาจจะไม่รู้สึก อย่างที่ชั้นรู้สึก

แต่.. ชั้นก้ไม่อยากไปไหน ,, อยากอยู่อย่างนี้

อยากดูแลเธออย่างนี้.. ถึงแม้ว่า '' จิตใต้สำนึก มันบอกชั้น ว่าเราไม่ควรคู่กัน



,,



ชั้นรู้.. ว่าชั้นอาจจะไม่ไช่ ผู้หญิงที่ดีเลิศเลอ!

ไม่ไช่ผู้หญิงที่เรียบร้อย พร้อมที่จะอดทนเพื่อเธอทุกอย่าง

หรืออาจจะ เป็นผู้หญิงที่เงียบ ๆ ไม่พูด ไม่รั่นอะไร ?

เพียงแค่ชั้นพร้อมที่จะนั่งเงียบ ๆ กับเธอ เวลาที่เธอรู้สึกไม่ดี



เท่านั้นเอง..





ทุกอย่างที่ทำให้เธอ ดีจัยที่ได้ทำให้..และพร้อมที่จะทำให้ '''

พร้อมที่จะให้เธอ ตลอดไป..





ดีใจที่ได้เจอเธอ..

สติ๊กเซ่อ * ๒๖๐๙๕๒''


http://www.saranair.com/article.php?sid=17867

คนเราเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต
ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ
เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ
ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ
ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น
เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด
เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป
พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น
และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด

^_^ คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย

มองด้วยอะไร...หัวใจหรือดวงตา

มองด้วยอะไร...หัวใจหรือดวงตา



ด้วยสัญชาตญาณแล้ว...คนเราก้อต้องเลือกสิ่งที่มองเห็นจับต้องได้

เป็นหลัก

ในการตัดสิน หรือ ยึดติดกับอะไรสักอย่าง

แต่ทุกสิ่ง...ทุกอย่าง

ย่อมมีข้อยกเว้น....เสมอ มิใช่หรือ????


มีคำกล่าวที่ว่า "สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ สิ่งที่เป็น"

บางอย่างในชีวิต ... เราไม่อาจตัดสินมันด้วยสายตา

หรือใช้สมองของเรา ... ประมวลผลออกมาได้

น้ำตาที่หลั่งออกมา ด้วยอารมณ์"เศร้า" หรือ "ดีใจ"

มันบ่งบอก...อะไร...บางอย่าง

หลายครั้ง...ที่พยายามจะมองด้วย "หัวใจ"

แต่มันยากเกินไป...เกินไป

การเชื่อ ที่ไม่มีแม้แต่ความเป็นไปได้

การศรัทธาที่ไม่มีวัน...พบเจอ

ความว่างเปล่า...การไร้ตัวตน

แล้วเราควรทำ...อย่างไร?????

"มองด้วยหัวใจ หรือดวงตา"

"ตัดสินด้วยปัญญา หรือ หัวใจ"


http://www.saranair.com/article.php?sid=14068

ความผิดหวัง บอกเราเรื่องความอดทน

ความผิดหวัง บอกเราเรื่องความอดทน

ความผิดหวังบอกเราเรื่องความอดทน
เราสามารถเอาชนะความรุ่มร้อนและอ่อนแอได้
ถึงจะยากแต่ถ้าปฏิญาณอย่างจริงจังยังมีทางแก้ไขได้

ความผิดหวังบอกเราเรื่องการค้นคว้า
เราสามารถเอาชนะความเขลาและเกียจคร้านได้
ถึงจะยากแต่ถ้าจัดการกับตัวเองวันนี้ยังมีทางสมหวัง

ความผิดหวังบอกเราเรื่องความไม่ประมาท
เราสามารถเอาชนะความเผลอเรอและหลงลืมได้
ถึงจะยากแต่ถ้าฝึกฝนวันนี้ยังมีทางเป็นไปได้

ความผิดหวังบอกเราเรื่องการช่วยเหลือ
เราสามารถเอาชนะความใจแคบและมีอคติได้
ถึงจะยากแต่ถ้าเพาะเมตตาวันนี้ก็ยังไม่สายเกินไป

ความผิดหวังบอกเราเรื่องความตั้งใจจริง
เราสามารถเอาชนะความหวั่นไหวและหวาดกลัวได้
ถึงจะยากแต่ถ้าเริ่มต้นวันนี้ยังมีทางสำเร็จ

http://www.saranair.com/article.php?sid=15828

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

L O V E _ & _ T I M E ~: •

เลขา: 'ท่านคะ...มีคนจะขอเรียนสายท่านค่ะ'


ผู้จัดการ: 'ใครครับ'

เลขา: 'เขาบอกว่าชื่อความรัก ค่ะ'

ผู้จัดการ: 'อืมม..บอกเค้าว่าผมงานยุ่งมาก'


.........เวลาผ่านไป......



เลขา: 'ท่านค่ะความรัก ยังงรอสายท่านอยู่ค่ะ'


ผู้จัดการ: 'อือ...บอกไปว่าผมไม่สะดวกรับสายนะ'



..........ผ่านไป..........

เลขา: 'ท่านคะ'

ผู้จัดการ: 'คุณ...ความรักอีกเเล้วใช่ไหมครับ บอกว่าผมงานยุ่ง ไว้ผมจะ...

เลขา: 'ไม่ใช่ค่ะ!มีคนจะคุยเรื่องงานค่ะ'


......ในวันที่หัวใจว่างว่างว่าง...



mobile Phone: You have 1 new message in your mailbox

'Please call.. Goodbye from ความรัก'

ผู้จัดการ: 'ช่วยต่อสายความรักให้ผมหน่อย'


เลขา: 'ค่ะ'

............'ตู้ดๆๆๆ ..........


ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้


กรุณาฝากข้อความเเละหมายเลขโทรกลับค่ะ...'


เลขา: 'ติดต่อไม่ได้ค่ะ จะให้ฝากข้อความไหมคะ'


ผู้จัดการ: 'ไม่ต้องครับ'



ความเหงาเข้ามาเยือน... แล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป


.............ผ่านไป...........



ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาฝากข้อความเเละหมายเลขโทรกลับค่ะ'


ผู้จัดการ: 'ความรักครับ คือ

ผม...เห็นคุณเงียบหายไปไม่รู้ว่าสบายดีไหม


ช่วงก่อนหน้านี้ผมงานยุ่งตลอดไม่มีเวลาว่าง
ต้องขอโทษด้วย
ไม่รู้ว่าจะสายไปไหมถ้าจะบอกว่า
ผมพร้อมที่จะมีความรักเเล้ว


ถ้าได้รับข้อความเเล้วช่วยติดต่อกลับด้วยนะครับ'



ร อ
ร อ
ร อ
รอคอยความรักจนถึงวันนึง.....



เลขา: 'ท่านค่ะ ความรักโทรมา


ให้ปฏิเสธไปเลยไหมค่ะ?'




ผู้จัดการ:'ไม่ต้อง รีบโอนสายมาเลย'

ผู้จัดการ:'สวัสดีครับความรัก คุณหายไปไหนมา


ขอโทษด้วยนะครับ


ผมไม่มีเวลาใส่ใจ


ไม่เคยสนใจตลอดเวลาที่ผ่านมา


ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตผม


ผมขอโทษ...'



ความรัก:'ดิฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอกค่ะ


ไม่ว่าจะอย่างไร


ความรักอย่างดิฉันก็มีหน้าที่ให้ความรักเสมอ


เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดใจต้อนรับ


เมื่อนั้นคุณก็จะได้เป็นเจ้าของความรัก


เเต่ที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อก็เพียงเพราะว่า


ฉันไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์ค่ะ!


เงินมีค่าเสมอเเม้กับความรัก


เเต่อย่าให้ถึงขนาดว่า
ความรัก ซื้อได้ด้วยเงิน


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


From FW

เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า

“ เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่าคะ ? “ วันนี้มีคนถาม แล้วก็เลยอยากถามต่อ..
ส่วนตัวเชื่อทั้ง พรหมลิขิตและเราลิขิตค่ะ เพราะในบางเรื่องรู้สึกมั๊ยค่ะว่า
ดูเหมือนไม่มีทางเลือกเลย เท่าที่ทำได้ก็คือยอมรับค่ะ ถึงได้มีคำถามเกิดขึ้นบ่อยๆว่า

“ถ้าเลือกได้จะทำอย่างนั้นมั๊ย” หรือ “ถ้าเลือกได้จะตัดสินใจทำอย่างไร”
แต่เพราะเลือกไม่ได้ เราถึงต้องยอมรับและทำให้ดีที่สุดในเงื่อนไขที่มีอยู่

โดยเฉพาะเรื่อง ความรัก ค่อนข้างยกหน้าที่ให้กับพรหมลิขิตไปล้วนๆ
ในส่วนของการได้เจอใครสักคน

แต่ “ เราลิขิต” คงจะอยู่ในส่วนของการรักษาดูแลความรักนั้นไว้มากกว่า

ที่เชื่อแบบนี้อาจเป็นไปได้ค่ะ ที่มักเจอและเห็นประสบการณ์แบบนี้บ่อยๆ
บางคนรักกันมานานนับเป็น 10 ปี ไม่ลงเอยกันสักที พอต่างคนต่างไปเจอใคร
ก็เริ่มมีเหตุผลว่า เจอคนที่ใช่กว่า ที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่ความรัก อื้อหือ..แล้วจะ
ให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ

ในขณะที่บางคู่ ต่างชาติ ต่างภาษา คนละซีกโลก วันหนึ่งอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ต้องมา
เจอกันในลิฟท์ แล้วเค้าก็สามารถรักกัน เป็นคู่ชีวิตที่เหมาะสมกันที่สุดได้

ใครก็ตามที่มีคนรู้ใจรู้แล้ว เคยถามตัวเองมั๊ยค่ะว่า “ คุณรักเค้าหรือเธอคนนั้น
เพราะอะไร “ คำตอบอาจมีต่างๆกัน
“ เพราะเค้าเป็นคนดี “
“ เพราะเค้าน่ารักอบอุ่น “
“ เพราะเค้าสามารถดูแลตัวเองได้และเป็นผู้นำที่ดี “

แต่ถึงที่สุดแล้ว คนที่เป็นผู้นำ น่ารัก อบอุ่นทุกคนก็ใช่ว่าคุณจะเลือกเค้าเป็นแฟน
ไปซะทั้งหมด แต่ทำไมต้องเป็นคนนี้

สำหรับคนโสดบ้าง คุณเชื่อหรือเปล่าว่า มีใครสักคนกำลังรอคุณอยู่ เค้าอาจกำลัง
ตามหาคุณ เหมือนที่คุณกำลังตามหาเค้าก็ได้

มีหนังสืออยู่หลายเล่ม ที่มักจะแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่เจอคนรู้ใจให้เปิดตัวเอง…
พบปะผู้คนตามสถานที่ต่างๆ ถึงขนาดมีการแนะนำว่า ต้องการหาแฟนแบบไหน
ควรหาสถานที่แบบใด คนที่ทำตามอาจจะสมหวังบ้าง แต่คงไม่ทั้งหมด และแล้ว
ก็เลยได้บอกกับตัวเองว่า

“ เรื่องแบบนี้ยิ่งวิ่งตามยิ่งเหนื่อย อยู่เฉยๆถ้าจะมาเดี๋ยวก็มาเอง “

แหม ถ้าเชื่อแบบนี้ตั้งแต่ต้นก็คงไม่ต้องเหนื่อยอย่างนี้ เผลอๆวิ่งตามไปตามมาได้
เจอคนที่หน้าเหนื่อยหัวใจ จะมาโทษตัวเองที่หลังว่า อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องแท้ๆ

เวลาคุยกันในวงสาวๆเนี่ย สิ่งที่มักอยากรู้กันเหลือเกินคือเรื่อง “ สเป็ก”
ชอบคนแบบไหน รูปร่าง นิสัยเป็นยังไง… เพื่อนสาวคนหนึ่งเธอเป็นคนที่พูดเก่งมาก
เธอเคยตั้งสเป็กไว้ว่า “ฉันชอบผู้ชายเงียบๆขรึมๆ จะได้ไม่ต้องมาแย่งฉันพูด “
พอเอาเข้าจริงๆ ชายหนุ่มของเธอเนี่ย คณะตลกมาเอง พูดเก่งเหลือเกิน มุขเยอะ
แต่เพื่อนเรากลายเป็นสาวเงียบเรียบร้อยผิดตา (และผิดคำพูดด้วย)

บางคน เจออย่างที่ตั้งสเป็กทุกอย่าง พอเจอกันกลับไม่ชอบแล้ว ต้องมานั่งเปลี่ยน
สเป็กกันวุ่นวาย

คำว่า “คนที่ใช่” อธิบายยากจิงๆค่ะ มันสัมผัสด้วยความรู้สึก แล้วเราก็พยายามหา
เหตุผลมาอธิบายว่า “ใช่เพราะอะไร“ มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ หนอธรรมชาติ
เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ตัดสินใจแทนกันไม่ได้ เพื่อนผู้หวังดี มักจะช่วยแนะนำให้
เราเลือกคนที่ดีกว่าเสมอ… แต่ไม่แน่คนดีคนนั้น อาจไม่ได้เป็น “ คนที่ใช่” ของเราก็ได้
มันก็เลยตอบยากไงค่ะว่าเวลามีคนมาถามเราว่า

“ทำไมเธอไม่เลือกคนนี้ เค้าไม่ดีตรงไหน “

เจอ “คนที่ใช่ “ บ้างแล้วหรือยังคะ ? ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แค่อยากเห็น
อยากมอง อยากอยู่ใกล้ “ คนที่ใช่ “ วันนี้ อนาคตอาจจะพบว่า เค้าไม่ใช่แล้วก็ได้
คงไม่ใช่เรื่องผิดปกตินะคะ เพราะมันมีเงื่อนไขอะไรอีกเยอะแยะ ที่เวลาในวันเดียว
มันบอกอะไรไม่ได้ เอาประสบการณ์มาแบ่งกันนะคะ

ครั้งหนึ่งเคยเจอ “ คนที่ใช่ “ คนหนึ่ง มีความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน รักไปกลัวไป
คือกลัวเค้าจะจากเราไปนั่นแหละค่ะ พยายามบอกตัวเองเสมอว่า ลองซ้อมร้องไห้
อยู่บ่อยๆว่า ถ้าเค้าจากเราไปจะเป็นอย่างไรน้า จะอยู่ไหวมั๊ย (ใครหนอช่างเปรียบ
เทียบความรักเป็นสีชมพูไม่ใช่สีแดง เพราะการมีความรักมันไม่ได้สดใส สดชื่นซะ
อย่างเดียว มันต้องมีหม่นๆบ้าง เป็นแค่สีชมพูก็แล้วกัน)

แล้ววันหนึ่ง เรื่องที่หน้าเศร้าคือ ความรู้สึก” ใช่ “ น้อยลงไปเรื่อยๆ ยิ่งอยู่ใกล้
ยิ่งเหงามากขึ้น “ตกลงเราเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นว่า เค้าเป็นคนที่ใช่คนนั้นหรือ “
ไม่ค่ะ เค้าคือคนที่ใช่ ณ วันนั้น แต่ไม่ใช่วันนี้ อย่างที่บอกแหละค่ะ บางข้อที่จะพิสูจน์
ว่าใช่ มันไม่ได้ใช้เวลาแค่วันเดียว… ยังนึกขอบคุณเค้าคนนั้นอยู่นะค่ะอย่างน้อย
การได้สัมผัสความรู้สึกว่า “ใช่เลย “ วันวิเศษมากๆ

ใครก็ตามที่ยังรอคอย และค้นหาคนที่ใช่ ขอให้คุณได้เจอคนๆนั้นเร็ววันนะค่ะ
ถึงแม้ว่า การรอคอยของคนบางคนอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ใช่ว่าคุณเป็นคน
ที่ไม่มีค่า ( โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่คิดแบบนี้)

ครั้งหนึ่งเคยได้ยิน พี่ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ พูดไว้ว่า
“ ครอบครัวไทย มักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก คอยสั่งสอนให้ทำตัว
เรียบร้อย ไม่อย่างงั้น จะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง แต่ความจริงแล้ว ผู้ชาย
และผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า “


จากหนังสือ… good words good feeling หลังไมค์มีไออุ่น…ดีเจ นภาพร

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความเป็นจริง ของโลกใบนี้

อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา.
สัมพันธภาพจะดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล
ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก

เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย
เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ

เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้

เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร
คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม

เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...

จาก FW