วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

soul mate

พูดถึง soul mate เอาไว้ว่า....
"soul mate" จะเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรือเป็นคนรู้จักก็ได้
มีคุณสมบัติ คือเป็น
1. ต้องเคยใช้ชีวิตชาติปางก่อนมาด้วยกัน
2. ครั้งแรกที่พบกันในชาตินี้ ต้องรู้สึกทันทีว่าคุ้นมากๆ
มีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน รู้สึกสบายใจและไว้วางใจในทันที
3. เมื่อมีปัญหาแตกร้าว ก็เข้าใจกัน แก้ไขได้ด้วยกันโดยง่าย

"soul mate" มิใช่ "เนื้อคู่" แต่เพียงอย่างเดียว
มีถึง 3 แบบด้วยกัน

แบบที่ 1 เรียกว่า Companion Soul Mates
คือคนที่เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นครูก็ได้ เป็นเจ้านายก็ได้
เป็นคนแปลกหน้าผ่านมาเวลารถเสียแล้วช่วยซ่อมให้ก็ได้
ไม่คิดตังค์ ไม่ล่อลวงไปข่มขืน
หรือเป็นคนที่ได้พบปะพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้ง หรือเพียงครั้งเดียว
แต่เป็นแรงบันดาลใจส่งให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
เป็นคนที่เราจะได้พบในช่วงสั้นๆ ในชีวิต
เพราะชาติที่แล้วเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อนในระยะเวลาจำกัด

แบบที่ 2 เรียกว่า Twin Soul Mates
คือคนที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายชาติแล้ว
พอชาตินี้มาเจอกัน! อีกก็ได้เป็นเพื่อนกันอีก
คล้ายๆ พวกที่1 แต่จะรู้สึกถึงมิตรภาพที่ผูกพันแนบแน่นกว่า
แบบว่าสื่อถึงกันได้ทางโทรจิต คล้ายว่าเป็นฝาแฝดกันน่ะ
พอได้รู้จักกันแล้วก็จะรับรู้ทุกข์สุขกันไปตลอดชีวิต
ประมาณว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนไหนในโลก
ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร

แบบที่ 3 เรียกว่า A Twin Flame Soul Mates
แบบนี้มีคนเดียว ส่วนมากจะเป็นเพศตรงข้าม
ทั้งชีวิตนี้จะมีได้แค่คนเดียว
เป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายชาติภพแล้ว
เป็นจิตวิญญาณของกันและกัน
พอพบกันครั้งแรก จะเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้าหากัน ดั่งเหมือนมีมนต์
(มันจะมีอาการขนาดนั้นเลยเหรอ...เค้าเขียนเว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ย)
จะรู้อยู่ลึกๆ ทันทีว่านี่คือเนื้อคู่แท้ๆ
ต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน
พวกที่เอะอะปิ๊งเอะอะปิ๊ง ห้ามมั่วนิ่ม!


http://www.saranair.com/article.php?sid=4863

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เมื่อเรารักกัน...เมื่อฉันรักเธอ

เมื่อเรารักกัน...เมื่อฉันรักเธอ

เมื่อเรารักกัน...ไม่ต้องคิดว่าจะโง่หรือจะฉลาด

ไม่ต้องคิดว่าถ้าเชื่อเค้าแล้วเราจะโง่ในสายตาใครๆ
ไม่ต้องคิดว่าถ้าเปิดหูตารับฟังปากชาวบ้านเป็นการฉลาด
ไม่ต้องคิดว่าถ้าเชื่อว่าเค้ารักเราคนเดียวเป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่าถ้ารู้ว่าเค้าทำอะไรเพื่ออะไรเป็นเรื่องฉลาด
ไม่ต้องคิดว่าถ้าให้โอกาสเค้าเรื่อยๆ เป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่าถ้าตั้งกฎเกณฑ์แล้วจะฉลาด
เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้เล่นเกม

ไม่ใช่เล่นหมากรุกที่ต้องมองเชิงกันก่อน
ไม่ใช่เล่นวิ่งไล่จับ..คนหนึ่งหนีคนหนึ่งวิ่งตาม
ไม่ใช่เล่นซ่อนหา..ต้องตามจิกตามหาตลอดเวลา
ไม่ใช่เล่นโยนเหรียญ..สุ่มเอาว่าจะหัวหรือก้อย
เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดลอง action = reaction

เวลาเราให้เค้าไปไม่จำเป็นว่าต้องได้รับกลับ
เวลาเค้าโมโหใส่ไม่จำเป็นต้องโมโหกลับ
เวลาเค้าทำไม่ดีกับเราไม่จำเป็นต้องทำบ้าง
เวลาเค้าไม่ทำดีให้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรทำให้เค้า
เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดสอบทฤษฎี Demand & Supply

ไม่เสมอไปที่ต้องการความรักมากๆแล้วเค้าจะมีให้เราน้อย
ไม่เสมอไปที่ให้ความรักเค้ามากๆแล้วราคาความรักจะต่ำ
ไม่เสมอไปที่จะมีจุดที่ความต้องการเท่ากับความรักที่ให้
เมื่อเรารักกัน....ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ทุกอย่าง

ไม่จำเป็นต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ไม่จำเป็นที่ต้องบอกเค้าว่า....
" เค้าคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่เค้ามีถ้า เค้ายังไม่เสียมันไป...."
รักกันไม่จำเป็นต้องขู่กันเรื่องความสำคัญ

รู้อยู่ในใจก็พอ...ว่าเรารักกัน
จำไว้ให้แน่นใจ...กับเรื่องดีๆที่เค้าพูด
จำไว้ให้อบอุ่นใจ...กับสิ่งดีๆ ที่เค้าทำให้เรา
ค้นมันออกมาเวลาเหงาใจ
ค้นมันออกมาเวลาไม่มั่นใจ
ค้นมันออกมาเวลาเสียใจ
เพราะว่าเวลาใจเราอ่อนแอ
สิ่งดีๆ ของเราสองคนมักจะหายไป
อย่าปล่อยให้มันหายไป....เพราะ
คนที่เค้าเคยทำให้เราอาจจะเสียใจ
ที่เราหลงลืมเรื่องดีๆเหล่านั้นแล้ว
Keep asking all the time


จาก...นายกันชน

แด่...เจ้าหญิงของนายกันชน

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 05 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:33 น.
http://www.uttc.ac.th/index.php/best-article/111-i-love-u.html

*-*-*-*-สิ่งที่ฉันต้องทน...การทำใจไม่ให้รักเธอ-*-*-*-*

*-*-*-*-สิ่งที่ฉันต้องทน...การทำใจไม่ให้รักเธอ-*-*-*-*
มันมีเหตุผลหลายอย่าง . . .
ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจ ไม่ให้รักใครสักคน
เหตุผลของคนเรา ย่อมไม่เหมือนกัน
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะรู้ตัวว่า . . .มันคงเป็นไปไม่ได้
บางคนอาจต้องห้ามใจ
เพราะกลัวใจตัวเอง จะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้
บางคนอาจต้องห้ามใจ
เพราะเขาอาจไม่ได้คิดและรู้สึกเหมือนกับเรา
ทุกข์ทรมานแค่ไหนที่เรารักเขา
แต่ต้องพยายามฝืนใจถอยห่างออกมา
เราต้องเงียบ ต้องเฉยชา ต้องเลี่ยง ต้องหลบหน้า
ต้องทำหน้าตาบึ้งตึงใส่
เพื่อจะย้ำเตือนให้ตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกอะไรใดๆ กับเขา
มันเจ็บแทบบ้าที่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยวิธีการนี้
แม้จะดูเป็นวิธีการโง่ๆ
แต่หากจำเป็นต้องทำ เพื่อปกป้องตัวเอง
เพื่อไม่ให้ใจของตัวเองต้องบาดเจ็บ
การถอยห่าง จะช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า . . .
ยิ่งเรายึดติด อยากได้ อยากครอบครอง
ยิ่งทำให้เราอ่อนแอ และแพ้ภัยตัวเอง
หากไม่ได้เขา มาเป็นคนรักของเรา
ขอเพียงแค่เขา ได้เข้าใจในเหตุผลข้อนี้
อย่าได้เข้าใจว่า . . .
เราโกรธหรือเกลียดเขา ถึงต้องแสดงท่าทีเฉยชาใส่
คนเจ็บปวดคนนี้ก็จะได้มีแรงพยุงตัวเอง
ให้ลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง
พร้อมที่จะใช้ชีวิต ที่เดินบนทางที่เหมาะที่ควร
แม้ว่าการเดินทาง จะมีอุปสรรคมากบ้างน้อยบ้างก็ตามที
หลังจากที่เราเข้มแข็งได้แล้ว ห้ามใจไม่ได้รักเขาได้แล้ว
ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
คิดและรู้สึกกับเขา ได้อย่างคนธรรมดาสามัญที่รู้สึกดีต่อกัน
ไม่ต้องรู้สึกแบบพิเศษที่แอบแฝง ด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
และสามารถอยู่บนโลกใบเดียวกับเขา ได้อย่างจริงใจที่สุด
เป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยไม่ต้องกดดันอะไร
หวังว่าเขาคงเข้าใจ ในเหตุผลที่เรากระทำลงไป
เจ็บนะไม่ใช่ไม่เจ็บ แต่สักพักก็คงจะหายดี
แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

จากคุณ : ยัยตัวยุ่ง - [ 17 ก.พ. 52 10:19:06 ]
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2009/02/F7534751/F7534751.html



ความคิดเห็นที่ 15

คิดแล้วเจ็บปวด คิดแล้วมันท้อ ที่รอให้เขาเอาใจใส่
เขาคงมองเรา เหมือนแค่ใบไม้ ที่ถูกทิ้งๆไว้ตามทางเดิน

* ไม่มีใครก็เดินเข้ามา ไม่มีใจก็ลาก็ไป
จนป่านนี้แล้วก็ยัง ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ เพราะอะไรต้องยอมเขา

** เขาไม่แคร์ เราต้องแคร์เขาทำไม แค่เศษความห่วงใยเขายังไม่มี
เขาไม่แคร์ เราก็แคร์เขาทุกที ทำไมต้องคนนี้ ทำไมต้องคนนี้ ทำไม

รักเขาคนดียว รักเขาเท่านั้น แต่มันยิ่งรักยิ่งเริ่มเบลอ
เขาคงมีใคร แล้วในใจเขา เลยไม่เห็นๆรักที่เรามี

(ซ้ำ * , **)

(เขาไม่แคร์ เราก็แคร์เขาทุกที ทำไมต้องคนนี้ ทำไมต้องคนนี้)

(ซ้ำ **)

จากคุณ : ยัยตัวยุ่ง - [ 17 ก.พ. 52 12:17:08 ]
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2009/02/F7534751/F7534751.html

"เธอไม่จำเป็นต้องรักฉัน แต่ฉันจำเป็นต้องรักเธอ"

"เธอไม่จำเป็นต้องรักฉัน แต่ฉันจำเป็นต้องรักเธอ"
ความรักเป็นไง...

ความรักจาเป็นไงก็เป็นงี้ไงล่ะ...

1.ไม่มีชายคนใดมีค่าพอที่เราสมควรจะเสียน้ำตาให้ เพราะคนที่มีค่าพอเขาจะไม่ทำให้เราต้องเสียน้ำตา (รู้แต่ทำไม่ได้อ่ะ แงๆๆๆ)

2.เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งรัก ..ชีวิตก็เหมือนดั่งนิยายที่คุณอ่านไม่จบ (แม้บางครั้งจาน้ำเน่าก็ตามที.....)

3.เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งความรัก รักนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลกับทุกสิ่งที่คุณทำอย่างประหลาด (แบบนี้เค้าเรียกว่าหลงแล้วย่ะ ไม่ใช่รัก)

4.เมื่อคุณรักใคร...ทุกสิ่งรอบๆ ตัวคุณดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแห่งรักนั้น (ก็แน่หล่ะ.....คนมีฟามสุขอ่ะ)

5.และเมื่อคุณมีรัก...คุณก็อยากแบ่งปันรักนั้นกับทุกสิ่งรอบๆ ตัว (จิงๆ ก็แค่อยากให้คนอื่นเค้าอิจฉาเล่น .....ก็เท่านั้น)

6.เมื่อคุณมีรักในหัวใจ...แม้เรื่องธรรมดาประจำวัน ก็ดูจะทำให้คุณมีความสุขได้ (แม้แต่เรื่องโดนเจ้านายด่า ก็ตาม เฮ้อ เป็นไปได้เนอะคนเรา)

7.เมื่อคุณถูกพันธนาการด้วยรัก...คุณก็คือนักโทษที่มีความสุขที่สุด(และบางครั้งก็ทุกข์ที่สุดเช่นกัน อย่ามาเถียงว่าไม่จริง)

8.การได้รักคือ "ไม่มีอะไรเลย" การถูกรักเริ่มเป็น "บางสิ่งบางอย่าง" แต่การได้รักและถูกรักกลับเป็น "ทุกสิ่ง ทุกอย่าง" (งง ดิ่ งง คนเขียนยัง งงเล้ย)

9.คุณอาจจะเป็นแค่ "คนๆหนึ่ง" ในโลกใบนี้ แต่คุณอาจจะเป็น "โลกทั้งใบ" ของคนคนหนึ่งก็ได้ (เอ้า ฝันต่อไปจ้า......เพราะความฝันเป็นสิ่งสวยงาม แต่มันไม่มีอยู่จิง เหอๆๆ)

10.มันใช้เวลาแค่เพียงชั่ววินาทีในการบอกว่า" ฉันรักเธอ" แต่เราต้องใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า เรารักเค้าหรือเธอมากเพียงใด (โดนกันมั่งป่าวล่ะเนี่ย....ข้อนี้ต้องยก บุรุษ ทั้งหลาย)

11.ความรักก็เหมือนน้ำ เรามักจะเห็นมันเป็นของตาย ต่อเมื่อ มันหมดไปแล้ว นั่นละ ... มันจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น
(ไม่มีน้ำ กินโค้กก็ได้ ม่ายง้อหรอก......)

12.คุณจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อคนที่คุณรัก ยกเว้น รักเขาอีกครั้ง(แปลกไหม๊ ทำได้ทุกอย่าง แต่แค่รักอีกครั้งกับทำไม่ได้ แปลกแต่จิงน๊า.....)

13.ชีวิตที่ปราศจากความรัก มันไม่ใช่ชีวิตหรอก (บางทีความรักก็ต้องการแค่ได้รักเท่านั้นนะสำหรับบางคนอ่ะ ....)

14.ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็น เหมือนกับเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร แต่มหาสมุทร คงจะมีน้ำน้อยลง ถ้าขาดหยดนั้นไป ... (โอ้วววววววว... แม่เจ้าแล้วมันเพื่ออะไรล่ะเนี่ย....)

15.จงใช้สมองดูแลหัวใจคุณเองและจงใช้หัวใจคุณดูแลใจดวงอื่นๆที่มาพบคุณ (ไม่ใจง่ายขนาดนั้น แม่สอนให้รักนวลสงวนตัวน๊า...... อย่ารักใครเร็วเกินไป เพราะมันจะเจ็บเร็วเช่นกัน)

16.ความรักมักนำมาซึ่งความเจ็บปวดแต่นั่นก็คุ้มค่าพอที่เราจะตายเพื่อมัน (แต่ถ้าต้องทำขนาดนั้น ก็อย่ามีมันเลย เจ้าความรักเนี่ย.....)

17.ความรักก็เหมือนเม็ดทราย เมื่อใดที่รีบคว้ามันไว้ เม็ดทรายนั้นจะไหลออกทางร่องนิ้ว แต่เมื่อค่อยๆ ประคองมันไว้ มันก็จะอยู่ในมือของคุณ และถ้าคุณทะนุถนอมความรัก มันก็อยู่ในทุกช่องว่างในหัวใจเช่นเดียวกับเม็ดทรายที่อยู่ในกำมือ (แต่วันนึงเม็ดทรายก็จาหมดไปนะ ไม่ว่าจะกำอย่างเบามือแค่ไหน มันก็จะล่วงไปจนหมดอยู่ดี ที่รู้ เพราะลองมาแล้ว หาดพัทยาเลยนะ)

18.ความจริงใจเป็นดาบสองคม มันช่วยคุณได้แต่ก็อาจทำให้รู้สึกเสียใจได้เหมือนกัน (อันเนี้ยเรื่องจิง....เหมือนที่เค้าว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ไอ้คนฟังเนี่ยแหล่ะ ที่มันจาตาย....
ความรักมันไม่ได้ทำร้ายอะไรเรามากมายหรอก ถ้าเราดูแลตัวเองดีพอ จำใว้อย่างเดียวว่า ....อกหักดีกว่ารักไม่เป็น เอ้ย ม่ายช่ายยยยยยยย จำใว้อย่างเดียวว่า ....ถ้ารักตัวเองไม่ดีพอ ก้จะรักคนอื่นไม่ได้เช่นกัน ......

..........




โดย Nattie
วันที่ อาทิตย์ มิถุนายน 2551
http://blog.spu.ac.th/print.php?id=5185

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

Being in Love – ตอนที่ 6 (เจ็บเพราะรัก?)

หลายคนพูดว่า "อกหักดีกว่ารักไม่เป็น" จริงๆ แล้วความรักมักจะมาพร้อมกับ "ความเจ็บปวด" กระนั้น หรือ? Osho ได้พูดไว้ในหนังสือ Being in Love ว่า . .
“. . . ความพยายามที่จะครอบครองเป็นการสนองตอบของอีโก้ คนที่ท่านพยายามจะเข้าไปครอบครองมีแนวโน้มที่จะเอาใจออกห่างจากท่าน อาจจะก่อวินาศกรรมต่อกลอุบายของท่าน ไม่มีใครจะรักอะไรไปมากกว่าอิสรภาพ แม้ความรักก็ยังเป็นรองอิสรภาพ อิสรภาพถือว่าเป็นสิ่งที่สูงสุด คนควรจะยอมสละความรักเพื่ออิสรภาพ ไม่ใช่สละอิสรภาพเพื่อความรัก แต่สิ่งที่ผู้คนทำกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษก็คือการยอมสละอิสรภาพให้กับความรัก ดังนั้นความเป็นปรปักษ์ ความขัดแย้ง และการทำร้ายซึ่งกันและกันจึงเกิดขึ้น
ความรักในรูปแบบอันแสนบริสุทธิ์ก็คือการแบ่งปันความสุข มันจะไม่เรียกร้องสิ่งใดเป็นการตอบแทน ไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น แล้วมันจะทำให้ท่านเจ็บปวดได้อย่างไร? เมื่อท่านไม่มีความคาดหวัง ก็ไม่มีหนทางที่ทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดได้ เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่ได้มาย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถึงจะไม่มีอะไรมาก็ถือว่าดีด้วยเช่นกัน ความสุขของท่านคือการได้ให้ ไม่ใช่การรับ ดังนั้นคนจึงสามารถรักกันได้ทั้งๆ ที่อยู่ไกลกันกันเป็นหมื่นๆ ไมล์ โดยที่ไม่ต้องมาอยู่ต่อหน้าต่อตากัน. . . ”
- OSHO


ขอบคุณข้อมูลจาก http://gotoknow.org/blog/beyondkm/295652

Being in Love – ตอนที่ 2

คำว่า “ความรัก” ตามที่เราเข้าใจ กับตามที่ Osho อธิบายไว้อาจจะเป็นคนละความหมายกันก็ได้ ลองติดตามตอนต่อไปครับ . . .
“. . . ความรักจะเปิดทางให้กับอิสรภาพ ไม่ใช่แค่เปิดทางเท่านั้น แต่มันยังทำให้อิสรภาพเข้มแข็งขึ้นด้วย สิ่งใดก็ตามที่ทำลายอิสรภาพย่อมไม่ใช่ความรัก มันต้องเป็นสิ่งอื่น ความรักและอิสรภาพจะมาพร้อมกัน มันเปรียบเสมือนปีกสองข้างของนกตัวเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่ท่านเห็นว่าความรักของท่านนั้นต่อต้านกับอิสรภาพของท่าน หากเป็นเช่นนั้นแสดงว่าท่านกำลังทำอะไรบางอย่างแล้วเรียกมันอย่างผิดๆ ว่าความรัก
จงใช้สิ่งนี้เป็นตัววัด ใช้อิสรภาพเป็นบรรทัดฐาน ความรักต้องให้อิสรภาพแก่ท่าน ต้องทำให้ท่านเป็นอิสระ ต้องปลดปล่อยท่าน เมื่อใดก็ตามที่ท่านเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ท่านจะมีความรู้สึกสำนึกคุณต่อผู้ที่ได้ช่วยเหลือท่าน ความรู้สึกสำนึกคุณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นศรัทธา มองอีกฝ่ายหนึ่งประดุจเทพยดา เพราะว่าเขาทำให้ท่านเป็นอิสระ หล่อนทำให้ท่านเป็นอิสระ เป็นความรักที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความต้องการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
ตอนที่ความรักเสื่อมทรามลง มันจะกลายไปเป็นความต้องการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ความหึงหวง การต่อสู้เพื่ออำนาจ การเมือง ความต้องการที่จะอยู่เหนือกว่า การจัดการ การบงการ ร้อยแปดพันประการ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่น่าเกลียดมาก แต่ตอนที่ความรักได้ถูกฟูมฟักจนถึงจุดสูงสุด ประดุจห้วงนภาอันบริสุทธิ์ มันจะกลายเป็นอิสรภาพ เป็นอิสรภาพอย่างแท้จริง
หากท่านกำลังมีความรัก ความรักในแบบที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ ความรักของท่านจะช่วยเชื่อมประสานสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ความรักที่แท้จริงของท่านจะเป็นแรงเชื่อมประสานให้กับทุกๆ ท่าน ความรักของท่านจะทำให้คนมีความเป็นทั้งหมด มีเอกลักษณ์ของตนเอง มีความเป็นปัจเจกชน เพราะความรักของท่านนั้นมาพร้อมกับอิสรภาพ คนทั้งหลายจะสามารถเติบโตได้ภายใต้ร่มเงาแห่งความรักของท่าน ภายใต้การป้องกันดูแลนั้น . . .”

ขอบคุณข้อความจาก http://gotoknow.org/blog/beyondkm/293534

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ฉันรักเธอ - ภาษาต่างๆทั่วโลก

-ภาษาไทย เรียกว่า ฉันรักเธอ (ก้อรู้ๆๆกันอยู่)

-ภาษาพม่า เรียกว่า จิต พา เด (chit pa de)

- เขมร เรียกว่า บอง สรัน โอน (Bon sro Iahn oon)

- เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม (Toi yue em)

- มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู (Saya cintamu)

- อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cinta padamu)

- ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)

- ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ (Kimi o ai X eru)

- เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ (No-rui sarang hae)

- เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์ (Ich Liebe Dich)

- ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม (Je taime)

- ฮอลแลนด์ (ดัชต์) เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)

- สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)

- อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)

- สเปน เรียกว่า เต เคี่ยโร่(Te quiero)

- รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)

- โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท (Amo-te)

- จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่ (Wo ai ni)

- จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี (Ngai oi ngi)

- ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว นาย ลู่ (Auo ai Lu)

- ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม (Seni Seviyorum)

- เจ๊อ แอะ นา ก็แปลว่า ฉันรักเธอ ของชาวกระเหรี่ยง

-ภาษาฮังเกเรี่ยน Szeretlek อ่านว่า แซแรทแลค แปลว่า ฉันรักเธอ

เอาชนะ (ใจ) ....*

พอดีได้มีโอกาสอ่านไดอารี่ของคุณบี แล้วก็ชอบมากเลยขอยกมาไว้ในบล็อกตัวเองสักหน่อยเผื่อคนอื่นๆจะได้อ่านบ้าง ขอขอบคุณเจ้าของบทความกันด้วยนะคะยังไงติดตามอ่านไดอารี่ของเจ้าของบทความนี้กันได้ที่ http://i-am-bee.diaryis.com/?20070306

นั่งดูละครเมื่อคืน มีคำพูดเอ่ยจากตัวละครหนึ่ง
"ฉันจะเอาชนะคุณ ด้วยความรัก"
ได้ยินแล้วนั่งมองหน้าตัวละครนั้น ใจคิดต่อไปว่า
"จะรักใครซักคน ต้องใช้คำว่า เอาชนะ กันเชียวหรือ?"
อดไม่ได้ที่จะคิดต่อไปว่า ... ที่จะเอาชนะเพราะรักอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเพราะรักตัวเอง ? ...

วันเวลาที่พาให้บีผ่านมาจนถึงวันนี้ไม่ว่าจะเหตุการณ์ของตัวเอง หรือผู้คนรอบข้างเรื่องราวของใจ .. ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้....ไม่มีเลยจริงๆ
ไม่มีใครสั่งให้ใครอีกคนรักเรา ..และไม่มีใครสั่งให้เราเลิกรักใครได้เช่นกัน..
เรื่องใจ .. บีว่า มันเกินคาดหมายเกินกว่าที่เราจะสามารถอ่านใจใครได้ด้วยซ้ำ
เรื่องเรา .. เรื่องของเขา ก็ไม่มีวันเหมือนกันเหมือนที่ใครซักคนกล่าวไว้
"รูปแบบของความรัก มีเท่ากับจำนวนผู้คนบนโลกใบนี้"

ละครเล่นไปอย่างไรบีก็ไม่รู้ตาดู แต่ใจคิดไปแบบพาเพลิน
ความรักจากคน คนหนึ่งที่เอาแต่รัก รัก รัก อีกฝ่ายหนึ่งจะเอาชนะ แล้วได้รับความรักจากอีกฝ่ายได้จริงหรือ?
บีว่า หากอีกฝ่ายไม่มีใจทำอย่างไรเสียก็ยาก ... หากจะบังคับให้เขามอบใจให้
เมื่อก่อนบีเคยคิดว่า ความดีจะชนะใจคนให้รักเราได้แต่วันนี้บีว่า มันไม่ใช่ ... ต่อให้ดีแค่ไหน หากไม่รัก ... ก็คือ ไม่รัก
ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า "เธอดีเกินไป ..... " (หรือเป็นแค่ข้ออ้าง)

เรื่องของใจ ... มันยิ่งใหญ่จริงๆ

เมื่อปีก่อน บีมีโอกาสได้สอนหนังสือน้องๆ แถวบ้านเย็นวันอาทิตย์แต่ตอนนี้บีไม่ได้สอนแล้ว ... เด็กน้อยหลายคนกระจัดกระจาย แยกย้ายไปตามพ่อแม่บ้างยังคงได้เห็น ทุกเย็นที่บีกลับบ้าน
จำได้ว่า ตอนสอนหนังสือน้อง ๆ ช่วงพัก บีจะให้พวกเค้าวิ่งแข่งกัน
แต่กติกาของบี .. ใครเข้าเส้นชัยที่ 2 ... คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
ตอนออกสตาร์ท วิ่งกันแทบตับแลบพอถึงเส้นชัย เด็กน้อยทั้งหลาย สโลว์โมชั่น กันเหลือเกิน
ไม่มีใครอยากได้ที่ 1 มีแต่คนอยากได้ที่ 2
ทุกคนสนุกสนานกับท่าสโลว์โมชั่นของอีกฝ่าย หัวเราะกันขำกลิ้ง ....
สุดท้ายไม่เคยมีใครเข้าเส้นชัยที่สองได้เพราะเอาแต่ขำ ... :)
เด็กน้อยหันมาถาม "ทำไมพี่บีถึงไม่ให้คนเข้าที่ 1 ชนะ?"
บีตอบพวกเค้าว่า ... "ที่ 1 ไม่ได้แปลว่า ต้องชนะเสมอไป" เด็กน้อยทั้งหลายทำหน้างุนงงกันเป็นแถบบีเลยเป็นคุณครูที่ไม่ดี ตอบแบบกำปั้นทุบดินไปว่า"ไว้โตขึ้นแล้วจะเข้าใจ นะเด็ก ๆ "
^-^
ทุกวันนี้ เย็นวันที่บีกลับบ้านจะผ่านกลุ่มเด็กน้อยที่หลงเหลือในหมู่บ้าน
หากจำไม่ผิดจะเหลือแค่ 2 คน พี่น้อง น้องกิ๊ฟ น้องก้อย
สองพี่น้องนี้น่ารักมาก หากพวกเธอเห็นบี ที่บางทีก็รวดเร็ว ปานรถมอเตอร์ไซด์จะเร็วได้
น้องๆ จะเรียกเสียงลั่นทุ่ง
"พี่บี ~~~~ สวัสดีค่า ~~~~~~~~ "
ไม่ใช่แค่ตะโกนว่า ... สวัสดีค่ะ ตามภาษาเด็กแต่ทั้งคู่ ยังยกมือพนม แล้ว ย่อขา แบบอย่างสวย ..
ด้วยความเร็วของมอเตอร์ไซด์ ฝืบิดเจ้าบูม
บีจึงทำได้อย่างมากแค่ตอบกลับ "สวัสดีค่า ~~~~"
แต่ที่ลากยาวไปตลอดทางคือ รอยยิ้ม ^-^
บีไม่คิดว่า แค่การได้สอนหนังสือพวกเธอไม่ถึง 10 ครั้งแต่กลับทำให้เด็กน้อยรู้จักบี และตะโกนพร้อมไหว้ "สวัสดีค่ะ...."นานนับปีกว่า ....
แม้พวกเธอจะมอมแมม แต่งตัวมอซอไม่ได้ใส่ชุดสวย ๆ ...ผมเผ้าไม่เรียบแปร้
แต่เธอน่ารัก ด้วยกริยาในแบบที่เด็กน้อยกระทำสิ่งเหล่านี้แหละที่เด็กน้อย ชนะใจบี ...
หากเราต้องฝืนใจกระทำตัวเป็นคนดี คงทำได้ไม่นานนักบางที การเป็นในแบบที่เราเป็น ก็เอาชนะใจใครได้ ... ไม่ยากเย็น

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552



อย่าไปค้นหาความรัก ...
ปล่อยให้ความรักค้นพบคุณเอง
นั่นแหละถึงจะเรียกว่าตกหลุมรัก
เพราะคุณไม่ได้บังคับตัวคุณให้เป็นไป แต่มันเป็นไปเอง

เมื่อคุณยอมรับใครบางคนในตัวตนและสิ่งที่เขาเป็น
คุณจะประหลาดใจเมื่อเขาดีกว่าที่คุณคาดหวังไว้มาก
ความรักคือการรักและยอมรับในทั้งข้อดีและข้อเสียของเขา

โชคดีคือผู้ชายได้เป็นคนรักคนแรกของผู้หญิง
ที่โชคดีกว่านั้นคือผู้หญิงได้เป็นคนรักคนสุดท้ายของผู้ชาย

คุณจะได้รับรู้ว่าคนๆ หนึ่งมีความหมายกับคุณมากเพียงไร
ก็เมื่อคุณตื่นขึ้นและพบว่าคุณได้สูญเสียใครคนนั้น
ที่คุณเคยคิดว่าไม่มีความหมายกับคุณเลยไปเสียแล้ว

รักคือการมองตัวคุณผ่านสายตาของคนอื่น
และค้นหาตัวคุณในหัวใจของคนนั้น
เมื่อคุณรักแล้ว คุณก็จะรักตลอดไป
สำหรับสิ่งที่คุณอาจจะคิดหลบหนี
แต่หัวใจคุณเก็บมันไว้ตลอดเวลา

การปล่อยมันไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะเหนี่ยวรั้งไว้ก็ยากเย็น
ความเข้มแข็งไม่ได้วัดที่ว่าสามารถเหนี่ยวรั้งมันไว้
แต่อยู่ที่สามารถปล่อยมันไปต่างหาก

ผู้ชายพร้อมที่จะเสียสละความรักเพื่อจะได้ปกครองโลก
แต่ผู้หญิงพร้อมที่จะตัดใจจากโลก
เพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่มีค่าพอให้เสียสละ

มันปวดใจเมื่อได้เห็นคนที่คุณรักมีความสุขอยู่กับคนอื่น
แต่มันจะเจ็บปวดกว่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่มีความสุขเลยเมื่ออยู่กับคุณ


จากฟอร์เวิดเมล

คาดหวังให้น้อยลง ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างสำหรับใครได้


สิ่งที่ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่ามัน " มีตัวตน " อยู่จริงในเวลาที่เรารักใครสักคนก็คือ
" ความคาดหวัง " จะคาดหวังมากหรือน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นต้องการความรักแบบไหน
บางคนอยากได้ความรักที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ก็ตั้งความคาดหวังเอาไว้สูง และคอยแอบลุ้นไปพร้อมๆ กับการ " บงการความรัก " ให้เป็นไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ ฉันคิดว่าถ้าเปรียบคนประเภทนี้เป็นเหมือนเด็ก ก็คงจะต้องเรียกว่าเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ แต่สำหรับบางคน ก็อยากได้ความรักที่เรียบง่าย อยากอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แม้ไม่ต้องคาดหวังในตัวคนรักสูง เท่ากับเด็กเอาแต่ใจในประเภทแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากได้อะไรจากความรักเลย คนประเภทนี้ก็เหมือนเด็กดื้อเงียบ
ดูเหมือนจะพอใจของเล่นที่อยู่ในมือ สิ่งที่เ็ดกประเภทนี้ต้องการก็คือการมีของเล่นอยู่ในมือตลอดเวลา ลองถ้าวันไหนมีคนอื่นมาแย่งไปสิ เป็นต้องได้เห็นดีกันแน่ ไม่ว่าใครจะต้องการให้ความรักของตัวเองเป็นแบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะหมายถึงการควบคุมตัวเองให้ได้เสียก่อน ไม่ใช่การควบคุมคนอื่นให้เดินตามเส้นทางที่เราเลือกไว้ เพราะจะต้องไม่ลืมว่า
" ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างให้กับใครได้ " การมีคนรักอยู่ข้างๆ กัน เป็นการ " มี " ที่ใคร ๆ
ก็ย่อมรู้สึกว่ามันพิเศษและควรหวงแหน กว่าที่คนสองคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบใหญ่ จะเดินทางมาพบกัน และคิดฝันตรงกัน มันไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ย่อมมีที่มาที่ไปด้วยกันทั้งนั้นคนรักก็เช่นกัน
ก่อนที่เขาจะมาเจอกับเรา เขาอาจใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่เราไม่คุ้นเคย เขาอาจชอบกินผัก ในขณะที่เราเกลียดผักเข้าไส้ เขาอาจจะชอบดูหนังผี ในขณะที่เราชอบดูหนังรักโรแมนติก วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาอาจจะเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่รักการอยู่บ้าน นอนอ่านหนังสือ หรือชอบรดน้ำต้นไม้ แต่พอมาเจอเรา เขาเลือกที่จะคบเรา ก็เป็นอันว่าสิ่งที่ต้องตามมาก็คือการปรับตัว มันเป็นธรรชาติของคนที่เพิ่งเจอกันอยู่แล้วว่า ต้องอาศัยเวลาในการศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และอันเนื่องมาจากการเรียนรู้นนี่แหละ ที่ทำให้ช่วงเวลาแรกที่คบกันมันเต็มไปด้วยความสุข จากที่ไม่เคยทานผัก พอเขาฝึกให้เราหัดทานผักซะบ้าง ก็ไม่รู้ว่าความสุข ณ เวลานั้น มันมาจากไหน ? จากที่ไม่เคยดูหนังโรแมนติก เขาก็ยอมพาเราไปดู...ความสุขก็โผล่มาอีกแล้ว ดูเหมือนจะง่ายนะ
แต่มันยากตรงที่ทำยังไงจะรักษาความสุขนี้ให้อยู่กับเราได้นานๆ พอๆ กับที่เราก็อยากให้คววามรักของเราเดินไปให้ไกล เท่าที่มันจะเป็นไปได้ เพราะกับบางคนก็ไม่ทันได้เตรียมรับมือกับ " ความเปลี่ยนแปลง " ที่จะเกิดขึ้น เมื่อผ่านช่วงเวลาของการปรับตัวเข้าหากัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกติดอยู่กับอีกฝ่าย จนไม่เป็นอันทำอะไร กลายเป็นว่าโลกทั้งใบของฉันมีแต่เขาเท่านั้น เวลาแบบนี้แหละที่ " ความคาดหวัง " จะเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลัง

คนที่ " รั ก เ ป็ น "
เขาจะไม่ ก ร ะ ว น ก ร ะ ว า ย
กับ ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง

แต่คนที่ " รักไม่เป็น " นอกจากจะกระวนกระวายใจแล้ว ยังเป็นทุกหนักขึ้น เมื่อไปคาดหวังให้อีกคน " เป็น " อย่างที่เราอยากให้เขาเป็น โดยไม่สนใจว่าก่อนที่จะมาพบเรา เขามีที่มาอย่างไร ใช้ชีวิตแบบไหน โลกส่วนตัวของเขามีขนาดเท่าไหร่ วันนี้เราเบียดเอาพื้นที่ของโลกใบนั้นมาไว้กับตัวเองมากแค่ไหนแล้ว เคยถามกันบ้างไหมว่าควร " เพิ่ม " อะไร หรือ " ลด " อะไรบ้างเพื่อที่จะรักษาความสมดุลให้คงอยู่ และต่างฝ่ายต่างก็มีความสุขอย่างแท้จริงโดยไม่เบียดเบียนกัน แต่การรักใครสักคนแบบเด็กเอาแต่ใจ เป็นความรักที่ฉันคิดว่าน่ากลัว...เพราะนอกจากจะเป็นความรักที่สูญเสียความเป็นตัวเองแล้ว ยัง " เสี่ยง " ต่อการสูญเสีย ค น ที่ รั ก ไปอีกด้วย
ฉันเคยถามคนคนหนึ่งว่า " ถ้าพี่รักผู้หญิงสักคน พี่จะยอมเป็นทุกอย่าง และยอมทำทุกอย่างได้เพื่อคนคนนั้นไหม ? "
เขาตอบว่า
" ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างสำหรับใครได้หรอก ช่วงเวลาหนึ่งอาจยอมได้ แต่พอถึงวันหนึ่งก็กลับไปเป็นตัวเองอยู่ดี "
ฉันไม่รู้หรอกว่าคำตอบของพี่ชายคนนี้ถูกหรือผิด เพราะเรื่องความรักของแต่ละคนมันพูดยาก บางคนยอมได้ บางคนยอมไม่ได้ ก็เหมือนที่โลกนี้มีทั้งเด็กดีและเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่ารูปแบบความรักของใครจะเป็นยังไง แต่ฉันก็ขอให้ทุกคนโชคดี แต่เขาว่ากันว่า ถ้าเราคาดหวังให้น้อยลง ความสุขมันจะเพิ่มขึ้นจริงๆ นะ

http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=84141&eid=8