วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

“ความรัก”…กับ… “ความอดทน”

“ความรัก” …กับ… “ความอดทน” …มักจะมาคู่กันเสมอ

ถ้ามีความรัก…ความอดทนก็จะมี
ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องอดทนเพิ่มขึ้น
แต่ถ้าต้องมีความอดทน … ความรักก็เริ่มถอยหลังทีละนิด ทีละนิด
“ความรักไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ
ความอดทนก็ไม่ใช่ ความเห็นแก่ตัวเหมือนกัน”

แต่เมื่อใด…….ที่ รู้สึกว่า ความรักจืดจาง…
ความอดทนที่เคยมีก็มลายหายไปพร้อมๆ กัน
ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่ารักก็จะไปด้วย
ต่อให้ทำดีแค่ไหน ความรักก็ไม่กลับคืนมา
ในเมื่อ ทั้ง “ความรัก” และ “ความอดทน” หมดไป

และถ้าเมื่อใด……..ที่มีจำเป็นต้องจาก ทั้งๆ ที่ยังรัก
เพราะ “ความอดทน” กำลังจะหมด
มันยากที่จะเก็บซ่อน “ความเจ็บ” เอาไว้
แต่ไม่ยากที่จะเก็บซ่อนความอดทนไว้ภายใน………
เพราะ…ถ้าเลือกที่จะรักต่อไป
ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมากขึ้น

ทางเลือกที่ดีที่สุด…อาจไม่สวยงามนัก
แต่จากกันตอนยังรัก…ดีกว่าเกลียดกันแล้วค่อยจาก
การลาจากในวันนี้…อาจทำให้เข้มแข็งและพร้อมจะมี…
รักครั้งใหม่ที่สดใสกว่าเดิมก็ได้ …มิใช่หรือ…

จากกันเพราะรัก ดีกว่าจากกันเพราะเกลียดนะคะ


http://www.sakid.com/2007/01/25/5657/

บทความดีๆ คนที่กล้าหาญเท่านั้นที่จะรู้ว่า “ความรัก” คืออะไร

คนที่กล้าหาญเท่านั้นที่จะรู้ว่า “ความรัก” คืออะไร

คนกล้าหาญที่พร้อมจะเผชิญกับความผิดหวังความรักไม่ใช่ความสำเร็จในความรัก จึงไม่ต้องการนิยามหรือเงื่อนไขใดๆ ความรู้สึกที่อยู่ในใจต่างหากที่จะเป็นสิ่งกำหนดว่าจะต้องผ่านอะไรไปให้ได้เพื่อที่จะได้รัก

ความรักจะเป็นแรงผลัก ให้สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับโลก

ความรักจะสอนให้รู้จักความอดทนและเสียสละ จะสอนให้รู้ซึ้งกับการมีชีวิตอย่างมีค่ายิ่งกว่าบทเรียนใดๆ

ความรักจะบอกว่า การอยู่เพี่อรักใครสักคนนั้น… เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่สามารถทำให้ตัวตนของคนผงาดขึ้น ทัดเทียมกับทุกคนบนโลกใบนี้

ความรักเป็นเรียวแรงของชีวิตและทำให้โลกหมุน เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ หัวใจเคลื่อนไหว มีแรงผลักดันปัญหาออกไปได้

ความรักที่แท้จริง… จะบริสุทธิ์ ไม่คาดหวังไม่ถือสา ความสุขจะเป็นละอองไอปลิวไปในอากาศ เหมือนสายลมอ่อนที่มองไม่เห็นแต่ก็เย็นสบาย

รักเถอะ…กล้าที่จะรัก เพราะรักนั้นจะเต็มคุณค่า… สำหรับคนพร้อมจะเจอกับทุกๆอย่างเท่านั้น หากไม่กล้าสูญเสีย…ก็ไม่มีวันได้รู้จักการครอบครอง

เพราะบางที… ความรักก็อาจไม่ได้เป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อหัวใจคนอื่นบังคับไม่ได้… ก็ไม่จำเป็นต้องบังคับหัวใจตัวเอง สักนาทีที่ได้รักใครสักคนอย่างแท้จริงนั้น ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบอกเล่าให้กันฟังได

แม้ที่สุดแล้ว…จะไม่ได้อะไรตอบแทน… แต่อย่างน้อยวันคืนที่เล็กน้อยเหล่านั้น… ก็จะสร้างความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ตลอดไป


ขอบคุณ http://www.sakid.com/2009/12/11/19538/

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

relax หัวใจ ให้หายเหนื่อยเพราะรัก

ถ้าเหนื่อยนักก็จงหาเวลาพักเสียบ้าง วิธีนี้อาจจะใช้ได้กับอาการเหนื่อยทางกาย เท่านั้น แต่สำหรับคนที่เหนื่อยทางใจก็คงต้องคิดหาวิธีกันร้อยแปด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่วันนี้ ทริคดีฯ จะทำให้คนที่เหนื่อยใจกับความรักกลับเฟรชขึ้นมาได้ง่ายนิดเดียว เพียงคุณทำตามวิธีการ relax หัวใจด้วยตัวเอง ลองดูนะคะ ...



- หยุดโทร คุยหรือเจอหน้าคนที่ทำให้เฮิร์ตสักพัก แล้วอยู่กับตัวเองเงียบๆ อาจจะทำให้มีเวลาทบทวนสาเหตุของความเหนื่อย


- ถ้าจำเป็นต้องเจอกันทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้พยายามพักปากและอารมณ์ด้วยการพูดให้น้อยที่สุด อย่าพูดถึงเรื่องที่มีความเห็นไม่ตรงกัน และพยายามยิ้มให้กันแทนคำพูดก็ได้ไม่เสียหาย


- หาเพื่อนที่นิสัยดีๆ เข้ากันได้กับคุณ มาเป็น ก.ข.ค. เพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมการคอยห้ามทัพเวลาที่เธอกับเขาจะปะทะคารมกัน แต่อย่าเลือกคนที่ไม่เป็นกลางเพราะมันจะทำให้เรื่องยุ่งไปกันใหญ่


- แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เมื่อจิตใจได้ relax แล้วความรู้สึกแย่ๆ ในใจก็จะคลายลงไปเอง แต่อย่าประชดรักด้วยการมีกิ๊ก เพราะเหตุการณ์มันอาจแย่ลงมากกว่าเดิม


- ปรึกษาผู้ใหญ่ที่น่ารัก บางทีอาจจะได้แง่คิดที่น่าพอใจ มุมมองใหม่ๆ มาปรับใช้กับตัวเองด้วย ซึ่งอาจจะทำให้คุณประสานร้อยร้าวด้วยก็ได้


- ถ้าไม่มีผู้ใหญ่มาเป็นที่ปรึกษาจริงๆ อาจ เลือกเพื่อนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราและเขาเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและ ประสบการณ์ที่ดี แต่ก็ต้องระวังอย่าเปิดเผยความลับส่วนตัวให้คนแปลกหน้า รู้ เพราะเราอาจจะถูกหลอกอีกก็เป็นได้


- ถ้าอยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากเจอหน้าและได้ยินเสียงใคร แม้แต่เพื่อนๆ ก็ไปเที่ยวคนเดียวซะเลย แต่การไปคนเดียวก็ต้องระวัง เพราะมีภัยอยู่รอบตัว


- ร้องไห้ออกมาให้มากที่สุด เพราะมันเป็นการปลดปล่อยได้ง่ายที่สุด แต่อย่าคิดทำร้ายตัวเองเพื่อประชดความรัก เนื่องจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการทำลายคุณค่าของตัวเองด้วย


- ระบายออกมาโดยการเล่นกีฬา ตบลูกแรงๆ ซึ่งบางทีมันทำให้เราหายเครียดไปได้ระยะหนึ่ง แต่จริงๆ ก็อย่าเล่นกีฬาประเภทรุนแรงเกินไปเพื่อประชดรัก


- เรียกเพื่อนๆ มาช่วยกันทำกิจกรรม relax เช่น การต่อ jigsaw หรือเลือกทำกิจกรรมอื่นๆ แต่ที่ใช้ระยะเวลาไม่นานเกินไป

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความงามในความไม่สมบูรณ์

ความงามในความไม่สมบูรณ์




ผมอ่านบทความชิ้นนึงจาก FWD mail เมื่อตอนบ่าย
เจ้าของบทความคือพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันทร์แห่งมติชน

เป็นเรื่องของพระรูปนึง ที่ท่านก่อกำแพงอิฐขึ้นจนแล้วเสร็จ แล้วค่อยเห็นว่า ท่านวางอิฐพลาดไปสองก้อน เป็นความไม่สมบูรณ์บนกำแพงที่สวยงาม

จะรื้อกำแพงทิ้ง แล้วก่อใหม่ ก็ไม่มีเงินมากพอ ท่านจึงต้องทนเก็บความรู้สึกผิด และอับอายไว้ทุกครั้งที่มองกำแพงนั้น

วันหนึ่ง มีคนมาเที่ยวชมวัด แล้วหยุดยืนมองกำแพงนั้นอยู่นาน ท่านก็อุตส่าห์ไปยอมรับว่า กำแพงนี้ไม่สมบูรณ์เพราะอิฐสองก้อนที่วางพลาดไปจากฝีมือท่านเอง

แต่คนๆนั้น กลับบอกท่านว่า .. มันไม่สมบูรณ์ก็จริงอยู่ แต่เพราะอิฐสองก้อนนั้นเอง ทำให้กำแพงเรียบๆที่น่าจะธรรมดาเหมือนกำแพงทั่วๆไป ดูไม่ธรรมดา เพราะมันแตกต่างนั่นเอง

พระรูปนั้น ถึงกับจิตสว่างขึ้นมา และมองเห็นว่าตัวเองพลาดมานาน ที่มัวแต่ไปจดจ่อกับอิฐสองก้อนที่ไม่สมบูรณ์ แต่ลืมสนใจอิฐอีกนับร้อยๆก้อนบนกำแพงที่สมบูรณ์

ผมเองก็มีอิฐสองก้อนที่ว่าในกำแพงชีวิตของผมเหมือนกัน
แล้วก็เห็นด้วยว่า ผมนั่งเพ่งโทษตัวเองเรื่องอิฐสองก้อนนั้นอยู่นานนับปีๆ เหมือนพระรูปนั้น

ถามว่าทุกวันนี้ เลิกหรือยัง .. ตอบว่า ใกล้แล้วครับ
เพราะผลจากวิปัสสนานี่แหละ

ทุกวันนี้ผมเห็นว่า ไม่ว่าจะอิฐทุกก้อนบนกำแพงจะสมบูรณ์ หรือไม่สมบูรณ์ ขอให้ประกอบขึ้นเป็นกำแพงที่แข็งแรงได้ตามเป้าหมาย ก็พอแล้ว

ผมนึกเลยไปถึงเรื่องที่มักจะได้ยินคุณผู้หญิงพูดประโยคนึงคล้ายๆกันว่า..

ฉันไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบหรอก ฉันมีข้อเสียหลายอย่าง ฉันไม่ใช่คนสวย ฯลฯ

ผมอยากบอกว่า.. โลกนี้มีหลายอย่างที่สมบูรณ์แบบ แต่ไม่น่าสนใจ เพราะมันสมบูรณ์เกินไปจนมันไม่งาม

ผู้หญิงสวย อาจจะไม่ใช่คนดูดีหรือน่ารัก และคนที่น่ารักดูดี อาจจะไม่ใช่คนสวย

บทความนั้นเขาทิ้งท้าย ด้วยการยกตัวอย่างหอเอนปิซ่า .. ถ้ามันสมบูรณ์ตั้งตรง 90 องศา มันก็คงไม่มีเสน่ห์ที่ทำให้ดังมากมายไปทั่วโลก อย่างทุกวันนี้เป็นแน่

ฉะนั้น... จงยินดีกับความไม่สมบูรณ์ของเรากันเถอะครับ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=30-04-2007&group=2&gblog=187

รักเป็นดั่งต้นไม้

รักเป็นดั่งต้นไม้



ถ้าจะให้เปรียบความรัก กับอะไรในโลกนี้สักอย่าง
คุณว่าความรักเป็นเหมือนอะไรดีครับ

น้องคนนึงเคยเล่าว่า แฟนเก่าของเธอที่อุตส่าห์ดูใจมาห้าปี ตั้งแต่สมัยเรียนกว่าจะตกลงเป็นแฟน คบกันสองปี ผู้ชายก็ดันไปมีคนอื่น

อีกกรณีนึง ผมเคยได้ยินคนบ่นว่า ทำไมผู้หญิงชอบแต่คนไม่ดี คนดีๆอย่างเขากลับไม่มีใครเหลียวแล

สำหรับผม ผมว่า... รักเป็นเหมือนต้นไม้

แต่ละต้น แต่ละพันธุ์ ก็มีคุณลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับดินฟ้าอากาศไม่เหมือนกัน ชอบน้ำมากน้ำน้อยต่างกัน

ต้นไม้บางสายพันธุ์ เป็นต้นไม้ที่ดี มีคุณค่า กิ่งใบดอกผลสวยงาม แต่ไม่ได้แปลว่า จะเหมาะกับทุกดินฟ้าอากาศ

เมล็ดพันธุ์ ก็เหมือนจุดเริ่มของความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่ง
มันอาจจะงอกเงย งอกงาม ก็ต่อเมื่ออยู่ในดินที่เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่พอเหมาะ แสงแดด อุณหภูมิ ความชื้น ที่เหมาะแก่การงอกเงยของเมล็ดพันธุ์นั้น

แต่ถ้าดินก็ไม่ใช่ น้ำก็มากหรือน้อยเกินไป อุณหภูมิ ก็เย็น หรือร้อนเกินไป เมล็ดพันธุ์นั้น ก็อาจจะไม่มีโอกาสงอกเงย

ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดี ไม่สมบูรณ์ หรือดินละเลยมันไป

จากความสัมพันธ์ในช่วงแรก ก็จะเริ่มพัฒนาไปเป็นความสัมพันธ์ที่หยั่งรากลึกลงเรื่อยๆ ลำต้นขยายใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น กิ่งก้านสาขา แตกออกไปเรื่อยๆ

เหมือนคนที่คบหากันมานานวัน ขึ้น ก็ย่อมผูกพันและหยั่งรากลึกลงเรื่อยๆ

ฟังดูไม่น่าจะอธิบายได้ว่า ยิ่งคบกันนานมันจะหักโค่นลงได้ยังไง ถูกไหมครับ

ต้นไม้มันจะตายด้วยเหตุอะไรบ้างล่ะครับ

ฟ้าผ่า..
โดนปลวกแมลงเพลี้ยกัดดูดน้ำเลี้ยง
น้ำท่วม รากเน่า
ขาดน้ำ น้ำแล้ง แห้งตาย

สุดท้าย มีคนมาตัดฟันโค่นมันลง อาจจะเป็นคนอื่น หรือสองคนที่ช่วยกันปลูก หรือแค่ใครคนใดคนหนึ่ง

ผมไม่แจกแจงนะครับ ว่ามันเหมือนปรากฏการณ์อะไรในชีวิตจริงบ้าง

เอาเป็นว่า ไม่พึงมองว่า ต้นไม้โตแล้วโตเลย ไม่ต้องดูแล ไม่ต้องใส่ใจ
เราอาจจะเอาชิงช้าไปผูกนั่งเล่นได้ ปีนเล่นได้ แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะยืนยงคงกระพัน

มันอาจจะมีอายุ ห้าปี สิบปี สามสิบปี สี่สิบปี แต่ถ้ามีใครเอาเลื่อยไฟฟ้ามาตัด ไม่กี่นาทีมันก็เป็นอดีตแล้ว

ถ้าคิดจะปลูก ขอให้ปลูกเพราะคนสองคนอยากช่วยกันปลูก ช่วยกันเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี เลือกทำเลที่ดี ดินที่ดี

อย่าปลูกเพราะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากปลูกเองข้างเดียวเลยนะครับ ผมเอาใจช่วยนะ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=16-05-2007&group=2&gblog=193

Love Probation ระยะทดลองรัก

Love Probation ระยะทดลองรัก

พูดถึงคำว่า Probation โพรเบชั่น ใครที่เป็นลูกจ้าง นายจ้าง ฝ่ายบุคคล ต้องคุ้นเคยและเกี่ยวข้องกับคำนี้มาบ้าง ไม่มากก็น้อยละ

แปลง่าย.. เขาหมายถึงระยะทดลองงาน เพื่อจะดูว่า คุณสมบัติ ความถนัด ทักษะของพนักงานคนนั้นๆ ซึ่งเพิ่งจะเริ่มงานใหม่ เหมาะกับงานไหม ประสิทธิภาพการทำงานเป็นที่น่าพอใจหรือไม่

บางที่สามเดือน สี่เดือน บางที่หกเดือน เกินกว่ากฏหมายแรงงานกำหนด ก็มี

ในระยะทดลองงาน กติกามีอยู่ว่า.. ถ้าก่อนพ้นระยะนี้ไป
หากนายจ้างเห็นว่า ลูกจ้างทำงานไม่เป็นที่พอใจ หรืออะไรก็ตามแต่
สามารถบอกเลิกจ้างได้ทันที โดยไม่ต้องมีค่าชดเชยใดๆ

สักอาทิตย์นึงที่ผ่านมา .. ผมเกิดทะลึ่งคิดขึ้นมาว่า
ไอ้แนวคิดเรื่องโพรเบชั่น มันเอามาใช้กับความรักบ้างได้ไหม
แต่แทนที่จะเป็นระยะทดลองงาน ก็เป็นระยะทดลองรัก

พูดแบบนี้ สาวๆที่เทิดทูน บูชารัก เป็นของศักดิ์สิทธิ คงออกเสียงคัดค้านเป็นแถบ

งั้นเรียกใหม่.. ระยะทดลองคบ.. ฟังดูดีขึ้นเยอะเลยใช่ไหมครับ

ที่มาของแนวคิดนี้คือ.. ผมเห็นคนหลายคนที่จับพลัดจับผลูไปมีแฟน
แล้วก็มาค้นพบหลังจากคบไปสักระยะ .. ว่าแฟนไม่ได้เป็นมนุษย์เผ่าที่ตัวเองนึกไว้

หรือความรู้สึกที่เคยนึกไว้ก่อนคบ กับหลังคบแล้ว มันช่างต่างกันเหมือนดำจังแก กับ แดจังกึม

ครั้นจะลุกขึ้นมาบอกเลิกศาลาเฉลิมไทย ก็จะกลายเป็นคนใจโลเล ไม่รักษาสัจจะ ไม่หนักแน่น
และอีกร้อยเรื่องเลว ที่จะขุดมาประกอบได้ ทำให้ resume of love ด่างพร้อยไปเสียอีก

บางคนใจกล้าหน่อย ก็เอาวะ.. พูดก็พูด
แต่ถ้าหน้าบางเพราะไม่ใช่ยางเรเดียล ก็อมพะนำกล้ำกลืนกันไป

ไม่รู้จะทำยังไงดีไปกว่าทน เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นคนรักที่ดีต่อไป
เหมือนที่ผมเคยเป็นมาก่อน และพังมาก่อน

เลยคิดว่า.. ถ้าใครจะลองคบกันแบบมีระยะทดลองคบ ก็ท่าทางจะไม่เลว
เพราะจะได้มีการประเมินผล ได้มานั่งคุยกัน ว่าเรารู้สึกอะไรกับเขา ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

ถ้ามัน ไม่ไหว ไม่ใช่ ไม่ชอบ ก็จะได้จากกันอย่างสันติ
แต่วิธีนี้ เห็นจะได้ผลกับอารยชน ที่มีวุฒิภาวะอยู่พอควร เท่านั้น
ใช้กับ ทุกคู่ ทุกคนไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่อัตตาสูงๆ คิดว่าฉันดี ฉันสมบูรณ์แบบ

เคยได้ยินนิทานเรื่อง สามีที่ฉีกขอบขนมปัง ให้ภรรยาทานทุกเช้ากับกาแฟไหมครับ

คือภรรยา ก็อึดอัด เพราะรู้สึกว่าสามีเอาเปรียบมานาน
ทนจากอาทิตย์เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆปี จนสิบกว่าปี
วันนึงภรรยาถึงน๊อตหลุด ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าสามีในวันหนึ่ง ที่กินแต่ขนมปังขาวอยู่คนเดียว แล้วให้เธอกินขอบขนมปังสีน้ำตาลมาตลอดสิบกว่าปี

หลังจากพูดจบ..เธอขอหย่าในวันนั้น..

สามีนั่งฟังเธอพูดจนจบ น้ำตาซึม .. แล้วบอกว่า..
"ทำไมเธอไม่เคยพูดล่ะ ว่าเธอไม่ชอบ ..

เธอรู้มั้ย.. ไอ้ขอบขนมปังสีน้ำตาลนั่นน่ะ.. ของโปรดตั้งแต่เรายังเด็กเลยนะ เราอุตส่าห์เอาของโปรดของเราให้เธอกินทุกวัน ตั้งแต่แต่งงาน เพราะเรารักเธอ.."

สรุปว่า ภรรยา โกรธฟรีมาสิบกว่าปีครับ

**********************

วันนี้.. ผมว่างตอนเย็นๆ เลยขุดหนัง DVD ที่ซื้อเก็บไว้ มาฉายดูเล่น

วันนี้หวยออกที่เรื่อง The Bridges Of Madison County ครับ

เป็นเรื่องของสองพี่น้อง ที่กลับมางานศพแม่ และพบบันทึกของแม่ที่แสนจะสะเทือนใจ

ใครที่ไม่รังเกียจหนังที่ดาราอายุอยู่แถวๆดอนเมือง (เลยหลักสี่ไปแล้วน่ะ) เล่นเป็นตัวเอก
ไม่รังเกียจหนังที่เดินเรื่องด้วยภาพและบทสนทนาลึกๆ
ไม่ติดว่าต้องมีระเบิดภูเขา เผากระท่อม

ชอบหนังที่พล็อตเรื่องดี ดูแล้วน้ำตาซึม ขี้มูกย้อยได้
ชอบหนังดราม่า ซึ้งๆ แบบโรแมนติค

ไปหาเรื่องนี้มาดูเสียนะครับ หนังกำกับโดย คลินท์ อีสต์วู้ด
แสดงโดย ลุงคลินท์ เอง กับ เมอริล สตรีพ นางเอกจากเรื่อง Out Of Africa และล่าสุด ผมเห็นเธอเล่นบทคุณแม่นักจิตวิทยาในหนังเรื่อง Prime

ถ้าคุณชอบอ่านนิยายของ ว.วินิจฉัยกุล ทมยันตี อะไรแถวนั้น
คุณจะชอบหนังเรื่องนี้ครับ รับประกันซ่อมฟรีเลย

เริ่มต้นวันใหม่ให้สดใส ขอให้มีกำลังใจที่ดี
อาทิตย์นี้ทำงานแค่สามวัน ก็หยุดอีกแล้ว .. เย้!!!

สุขสันต์วันอังคารครับ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=02-05-2006&group=2&gblog=49

ใครทิ้งเรา ไม่เศร้าเท่าเราทิ้งตัวเราเอง

ใครทิ้งเรา ไม่เศร้าเท่าเราทิ้งตัวเราเอง

เอากระทู้ที่ผมตอบไว้และเห็นว่าน่าสนใจ มาฝากอีกแล้วครับ

เที่ยวนี้เป็นคุณผู้หญิงท่านนึง ที่อยากรู้ว่า ถ้าเธอเปลี่ยนตัวเองได้มากพอ
เธอจะสมหวังในความรักที่เธอหวังจะได้จากคนๆนั้นหรือไม่

เธอถามไว้อย่างนี้ครับ

ทำไมนะ ตัดใจไม่ได้สักที
แฟนเก่าเรา บอกว่า "เป็นแฟนกัน เพื่อศึกษานิสัยกัน" และเราก็เลิกกัน เพราะเค้าบอก่วาเรา "ไม่ใช่"

spec เค้าสูงมาก ไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่ประมาณว่า กุลสตรีไทย มารยาทงาม ทันคน มีไหวพริบ

เราก็พยายามปรับปรุงตัวแล้ว แต่เค้าก็พิจารณาแล้ว เค้าบอกว่าดูยังไงๆ เราก็เปลี่ยนไม่ได้ เป็นไปไมได้

เค้าไม่หล่อ(ถ้าเราไม่รู้จักเค้า เราอาจจะกลัวเค้าก็ได้) แต่เป็นคนดี (เสียที่ขี้ระแวง) เราชอบเค้ามาก เค้าเป็นคนที่

ไม่เอาเปรียบคนอื่น และรักพวกพ้อง ระวังเรื่องการวางตัวในสังคม คิดก่อนพูด รักษาน้ำใจทุกคน ที่ดีที่สุด

ของเค้าคือ "ไม่โกหก" (จริงๆ) ถ้าเรารักเค้าต่อไป โดยเราพยายามปรับปรุงตัว และพัฒนาตัวเองให้เป็น

ได้อย่างที่เค้าชอบ(เป็นหญิงที่ดี) สักวันถ้าเค้าไม่มีใคร เค้าจะหันมามองเรามั้ย? ถ้าเค้ามีรักใหม่ แล้วรักเค้า

ไม่สมหวัง เค้าจะคิดถึงเรามั้ย?

หรือยังไงก็จะเข้าทำนองว่า "ถึงสุดท้ายฉันไม่เจอคนที่ใช่ ยังไงฉันก็ไม่เอาเธอ ยอมอยู่คนเดียวดีกว่าอยู่กับเธอ"

เราควรจะทำแบบที่ว่า "รักใครก็รักเขาให้มากๆ ถึงเขาจะไม่รักเรา" หรือว่าเราควรจะตัดใจดี

คุณผู้ชายคะ...ถ้าคุณพบกับคนที่รักคุณมากๆ และผูกพันกันมานาน คุณจะหวั่นไหวบ้างมั้ยคะ?

จากคุณ : อยากเป็นคนที่เธอฝัน - [ 24 มี.ค. 49


ผมเขียนความเห็นไว้ให้กระทู้ของเธอว่าอย่างนี้ครับ

ผมอยากให้จขกท. ลองย้อนกลับไปถามตัวเองหนึ่งคำถาม
ว่าคุณอยากให้เขารักคุณ อยากเป็นคนที่เขาฝัน เพราะอะไร

ถ้าคำตอบเราตรงกัน.. คงจะออกมาประมาณว่า..
เพราะถ้าเขารักคุณ คุณได้เป็นคนที่เขาฝันถึง .. คุณจะมีความสุข
..ใช่ไหมครับ ?

มนุษย์เรามีธรรมชาติในการวิ่งหนีความทุกข์ และวิ่งหาึความสุข

โดยไม่ค่อยรู้ตัวว่า.. การทำทั้งสองอย่างนั้น คือต้นเหตุของทุกข์อันใหญ่กว่า

เห็นคุณทุกข์แบบนี้แล้วก็สงสารนะครับ
ไม่ได้สงสารที่เขาไม่รักคุณหรอก

สงสารที่คุณไม่รักตัวเองต่างหาก
ตัวคุณเอง ยังไม่รักตัวเอง ไม่เห็นค่าของตัวเองเลย
คิดแต่ว่า.. จะทำอะไร จะเปลี่ยนอะไรเพื่อให้เขารัก เขาสนใจ

คนเราไม่ควรเปลี่ยนตัวเอง เพราะเหตุว่าอยากให้ใครรักนะครับ

แต่ควรเปลี่ยนตัวเอง ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เพราะรักตัวเอง
เพราะเห็นว่า เปลี่ยนแล้ว ชีวิตจะดีงาม จะเจริญ จะสงบ ร่มเย็นเป็นสุข

ไม่ใช่เพื่อให้ใครหันมามอง ในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ

สมมติคุณทำได้.. คุณสวมบทบาทใหม่ แปลงโฉมตัวเองใหม่
แล้วคุณจะมีความสุขเทียมๆไปได้อีกนานเท่าไหร่

บอกให้ก็ได้.. ว่าผมเคยทำแบบที่คุณคิดมาแล้ว
6 ปีให้หลัง ผมถึงรู้ว่า ผมเสียเวลาเปล่า

เป็นตัวเรา ในภาคที่ดีที่สุด ดีกว่าเป็นคนอื่นที่แสนดี แต่ไม่ใช่ตัวเรา

ใครจะชอบไม่ชอบ ก็แล้วแต่เขานะครับ
ใครจะทิ้งเราไปเพราะเราเป็นเรา ก็ปล่อยเขาไปเถอะ

แต่ตัวเรา.. อย่าทิ้งตัวเราเอง... นะครับ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=02-04-2006&group=2&gblog=91

นิยามของความรัก

นิยามของความรัก




วันนี้.. คนรักเก่าผมแวะมาหาที่ทำงานครับ
บังเอิญเธอมาอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรม ใกล้ๆที่ทำงานผมพอดี

เราไปนั่งคุยกันแป๊บนึง ที่ร้านกาแฟใกล้ๆ..
ผมถามเรื่องคนรักปัจจุบันของเธอ ด้วยความห่วงใย

เธอบอกว่า เธอมีความสุขดี เธอเล่าหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า
คนรักปัจจุบันของเธอก็ดูเป็นคนดี มีอนาคต ดูแลเธอดี ใส่ใจ แม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้

โดยสิริรวม เธอมีความสุขดีครับ

ตลอดเวลาที่นั่งฟัง.. ผมคอยสังเกตจิตตัวเอง
ผมไม่เห็นแววของความอยากได้เธอกลับมาเลย

ไม่ใช่เพราะไม่รักหรอกนะครับ ผมยังรัก และผมก็รู้ว่าเธอก็ยังรักผมอยู่เหมือนกัน
เพียงแต่ ความรักของผมกับเธอ มันกลายเป็นความรู้สึกปรารถนาดีต่อกัน

ผมยินดีจริงๆ ที่เธอมีชีวิตที่ดี มีความสุขกับคนที่เธอรัก
แค่ได้ยินแบบนั้น ก็พอแล้ว สบายใจแล้ว

หลังๆ ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ..
นึกรักใคร่ชอบพอใคร ก็รู้สึกว่า ไม่ต้องมาเป็นแฟนผมก็ได้
เป็นแฟนใครก็ได้ ถ้าเธอมีความสุข เขาดูแลเธอดี

ขอให้ผมรู้แค่ว่า เธอเป็นสุขดีแล้ว.. ผมก็สบายใจแล้ว.. พอแล้ว

เคยมีพระรูปนึง ท่านบอกผมว่า..
ใครที่บอกว่ารักเรามากเหลือเกิน มากจริงๆ
จนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นคนรักของเรา
ได้เป็นแฟน ได้แต่งงาน น่ะ.. เขาไม่ได้รักเราจริงหรอก

แต่เขารักตัวเองมากต่างหาก..
เพราะใครคนนั้นอยากเป็นคนรักของเรา อยากเป็นเจ้าของเรา
เพราะเขาคิดว่า ถ้าได้เราเป็นแฟน เป็นคนรัก เป็นสามี เป็นภรรยา แล้วเขาจะมีความสุข

หรืออย่าง คนที่ขี้หึงมาก มักจะพูดเสมอว่า หึงเพราะรัก ถ้าไม่รักจะไม่หึงเลย..
ถ้าเอาคำพระท่านมาอธิบาย ก็ต้องบอกว่าเขาพูดถูกครึ่งนึง

เพราะเขาหึงเพราะรักจริงๆ แต่เพราะรักตัวเอง.. ไม่ใช่รักคนอื่น
เพราะไม่อยากให้คนรักปันใจให้คนอื่น หรือมีคนอื่นมาแย่งไป
เพราะรักตัวเอง ไม่อยากเป็นทุกข์ ที่ต้องสูญเสียคนรัก
ไม่ได้มองว่า.. ถ้าเขาอยู่กับคนอื่น จะมีความสุขมากกว่าอยู่กับเรา ก็น่าจะให้เขาไป

พูดง่ายๆ ก็คือ ความรักแบบทางโลก มันก็ยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่

แต่นิยามของ "ความรัก" ของแต่ละคน อาจจะต่างกันได้พิสดารแบบที่เรานึกไม่ถึง
โดยไม่จำเป็นต้องบอกว่า ของใครถูก ใครผิด

ว่าแต่.. นิยามรักของคุณเป็นยังไงกันมั่งครับ ?


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=15-11-2006&group=2&gblog=7

คู่มือความรัก

คู่มือความรัก





ถ้าความรักมันสร้างขึ้นได้อย่างในเพลงนี้คงดีนะครับ Recipe For Love
Recipe แปลว่าคู่มือหรือสูตรปรุงอาหารน่ะครับ

เหมือนคุณดูรายการทีวีของคุณหมึกดำ หมึกแดง หรืออาจารย์ยิ่งศักดิ์ เรื่อยไปจนถึง Jamie Oliver
ทั้งรายการส่วนมาก ก็จะพูดเรื่องส่วนผสมและวิธีการปรุงอาหาร ที่เรียกว่า Recipe
ออกเสียงว่า เรซ-ซิพ-พี่

อยากมีความรักเมื่อไหร่ก็เข้าครัวเปิดคู่มือ ปรุงมันเดี๋ยวนั้น

ที่จริงจะพูดว่ามันปรุงไม่ได้ก็ไม่ถูก เพราะความรักปรุงได้
แต่มันต้องมีก่อน ถึงจะปรุงได้

เหมือนดึกๆ คุณอยากกินสปาเก็ตตี้เบค่อน ได้ไหม.. ได้ซี่
แต่ในครัวมันต้องมีสปาเก็ตตี้ กะเบค่อนอยู่นะ ถึงจะปรุงได้

ถามว่า..แล้วไอ้ความรักนี่จะไปหามาจากไหนล่ะ..
อันนี้แหละครับ ที่ผมบอกว่ามันปรุงขึ้นมา สร้างขึ้นมาไม่ได้

ผมเคยได้ยินบทหนังเรื่องไหนสักเรื่อง จำชื่อเรื่องไม่ได้
เขาบอกว่า.. ที่จริง เราเลือกไม่ได้ที่จะรักหรือไม่รักใครหรอก
ความรักต่างหากที่เลือกเรา

ฟังแล้ว..เออออว่ะ.. จริงของคนเขียนบทมัน

ฉะนั้น ถ้าให้ผมเขียนคู่มือของคนที่จะมีความรัก
ข้อแรกที่ต้องใส่ไว้คือ.. ความรักมันสร้างขึ้นไม่ได้
มันจะค่อยๆก่อตัว หรือมันจะไหลมาเทมา เราไม่ได้เป็นคนกำหนด

ข้อสอง.. ความรักเป็นเรื่องของอารมณ์ อารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่คงที่
แม่ก็ไม่ได้รักลูกเท่ากันทุกวันฉันใด แฟนก็ไม่ได้รักเราเท่ากันทุกวันฉันนั้น

วันนั้นมันน่ารัก ทำตัวดี ก็รักมันมากหน่อย
วันไหนมันทำให้เราน้อยใจ ความรักมันก็แห้งๆไปได้เหมือนกัน

หรือวันนี้มันเคยรักเราจนแบกเขาพระสุเมรุได้ทั้งลูก
ก็อย่าคาดหวังว่ามันจะแบกไว้ตลอดปี ตลอดชาติ

กล้ามเนื้อคนเรามันมีวันล้าได้ ความรักก็เหมือนกัน
มันเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย อย่าคิดว่าอะไรๆ มันจะคงที่

ข้อสาม.. ถ้าความรักมันเลือกเราแล้ว
อย่าลืมดูด้วยว่า มันเลือกคนที่เรารักด้วยหรือเปล่า

ถ้ามันจะเป็นรักข้างเดียว ก็อย่าบ่น อย่ารู้สึกแย่กับตัวเองมากนัก
ผมเคยเขียนเรื่องเหรียญสองด้านจำได้ไหมครับ

ถ้าวันนี้เหรียญออกด้านก้อย เราอาจจะไม่โชคดีในด้านนึง
แต่ในอีกด้านของเหรียญ มันก็มีด้านหัวอยู่ด้วยเสมอ ไม่เคยหายไปไหน

ในโชคดี ก็จะมีข้อเสีย ในโชคร้าย ก็จะมีข้อดี พ่วงติดมาเสมอ
อยู่ที่เราจะเลือกพลิกอีกด้านของเหรียญมามองหรือเปล่า

ข้อสี่.. ถ้าคุณโชคดี ความรักเลือกคุณและเลือกคนที่คุณรักด้วย
รักษามันให้ดี ช่วงเวลาดีๆ ไม่ได้มีตลอดไป
เหมือนรายการนาทีทอง ไม่ได้ออกอากาศทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ถ้าความสัมพันธ์ที่ดี เหมือนอาหารจานนึง
อย่ากังวลว่ามันจะหมด เพราะตราบใดที่วัตถุดิบ อันประกอบด้วย ความรัก
ความอาทรห่วงใย ความหวานมัน ความเชื่อใจ ความเข้าใจ
มันยังบริบูรณ์ดี ไม่มีบกพร่อง เรายังสามารถปรุงจานใหม่ได้ตลอดเวลา

ฉะนั้น เมื่อมีวัตถุดิบ รีบปรุงซะ อย่าหมัก อย่าดอง มันจะเสียคุณค่าอาหาร

ข้อห้า.. อยู่กับความรักด้วยสติ คืออยู่อย่างเข้าใจธรรมชาติของมัน
รู้ว่าคนเราเกิดมาเพื่อพบกันชั่วครั้งคราว แล้วก็ต้องพลัดพรากกันในที่สุด

นานที่สุด ก็จนสิ้นอายุขัยในชาตินี้ แล้วจะได้เจออีกทีเมื่อไหร่ไม่รู้
เพราะเราทำบุญ ประกอบกรรมมาไม่เท่ากัน

หรือบางที อาจต้องพลัดหลงกันไป ตั้งแต่ยังมีลมหายใจ ก็เห็นตัวอย่างอยู่ทุกวัน
ฉะนั้น อย่าตั้งเป้าว่า คุณจะต้องอยู่กับเขานานเท่าไหร่

อย่าตั้งเป้าว่า.. ชาตินี้คุณจะมีเขาไปตลอดทุกลมหายใจ
แต่ขอให้ตั้งเป้าว่า เราจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน
เราจะดูแลกัน สร้างเหตุและปัจจัยเกื้อหนุนความสัมพันธ์ให้ดี

ให้เขามีวันเวลาที่ดีที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่กับเรา
จะแค่คืนเดียว อย่างใน Before Sunrise
หรือเดือนเดียว อย่างใน Sweet November ก็ไม่เป็นไร

ขอให้วันนึง.. เรามองย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้
แล้วไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำให้เขา
และไม่ต้องเสียใจที่ทำอะไร ในสิ่งที่ไม่ควรทำ ก็พอ

หมายเหตุ.. อันนี้เป็นมุมมองจากประสบการณ์
ของคนไม่มีโชคในความรักนะครับ ไม่ต้องเชื่อก็ได้

เพียงแต่ การเป็นคนแพ้บ่อยๆ ก็ดีแบบนี้แหละ
เรามักจะได้เห็นอะไร ที่คนชนะบ่อยๆ เขาไม่ได้เห็น
หรือที่เขาเห็น แต่เขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องใส่ใจ

ไม่ได้แปลว่า ผมไม่มีคนมารักเลยนะ
แต่ผมระวังที่จะเปิดประตูให้คนเข้ามาในชีวิต
เพราะบางที ข้างหลังกำแพงของผม มันอาจจะไม่ใช่บ้านที่สวยงาม
มันเชย มันอาจดูเก่า ซอมซ่อ ผุพัง ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะรับได้

และกระนั้น..ไม่ใช่ทุกคนที่ผมจะยินดีถ้าเขาจะอยู่

มีคนเคยวิเคราะห์ผมถูกต้องว่า.. ที่จริงผมอยากมีแฟนนะเนี่ย
แม่นแล้วครับ.. อยากมี.. เห็นตัวอยากของตัวเองอยู่ทุกวัน

แล้วอาจจะดูหลงตัวเองไปหน่อย แต่ผมรู้ว่า ถ้าไม่เลือกมากผมจะมีเมื่อไหร่ก็ได้
แต่.. ในความไม่สมบูรณ์ของผม ผมก็ยังขอเลือกอยู่ดี

ไม่ใช่แค่ใครก็ได้สักคนที่รักผมมากๆ มันมีปัจจัยอื่นอีกด้วย
ผมไม่ได้อยากมีแฟนสวยแบบอั้ม พัชราภา หรือน้องแพนเค้ก
แต่ชอบคนดูดี ที่จิตใจน่ารัก ความคิดน่ารัก ฉลาด

ผมอยากกินสปาเก็ตตี้ มัสหมั่น ถ้าไม่มีผมก็ยอมอด
ดีกว่าบอกผมว่า มีข้าวไข่เจียว แกงเลียง ก็กินๆไปเหอะ

อันนี้คือสิ่งที่คู่มือของผมบอกไว้
แม้จะรู้ตัวว่ากำลังจะอดตาย พะงาบๆในเร็ววันนี้ก็ตาม

โชคดีกันทุกท่านนะครับ เพี๊ยงงง


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=16-08-2007&group=2&gblog=224

คู่แท้

คู่แท้



บล็อคนี้ จัดให้ตามคำขอ

"พูดแล้วแพนก็คิดถึง แนวคิดที่ตัวเองพยายามเอามาปรับใช้อยู่
เรื่องความสมกัน ทั้ง 4 ทางพุทธศาสนาของคู่รัก คือ
ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา ที่ควรจะมีเท่าเสมอกัน
เพื่อความรักที่เสริมส่งกันในทางที่ดี

เลยคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้พี่ aston มาเขียนแนะนำให้เพื่อนๆอ่านกันด้วยค่ะ"



เรื่อง "คู่แท้" หรือโซลเมท นี่เป็นประเด็นยอดฮิตมานาน
เพราะมนุษย์มีธรรมชาติของความอยากมีคู่ ในโครโมโซมปกติ

มีคนบอกว่า คู่แท้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรัก เป็นแฟนเสมอไป
บางทีอาจจะเป็นพี่ น้อง เพื่อน พ่อ แม่ ก็ได้
อันนี้พูดให้หลายคนโล่งอก เป่าปากปู้ดดดด ว่า.. เออ.. แบบนี้ชั้นก็เจอแล้วดิ

อ่ะ.. แต่พูดแบบนั้น เดี๋ยวบางคนจะว่าผมเป็นองุ่นเปรี้ยว หาทางแก้เกี้ยวให้ตัวเอง
งั้นพูดถึงโซลเมท คู่แท้ ในกรณ๊คนรักก็ได้เอ้า..

ว่าแต่ คู่แท้ของคุณผู้อ่านที่เจอแล้ว หรือยังไม่เจอ มีลักษณะเป็นยังไงครับ

คนที่(คิดว่า)เจอแล้ว ก็อาจจะง่ายหน่อย
คนที่ยังไม่เจอ ก็ยังต้องดูๆกันต่อไปให้คันๆเล่น

แต่ไม่ว่าคู่แท้ในจินตนาการของคุณ จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
จะโคตรทรหดเหมือน my sassy girl, The Classic หรือ A Moment To Remember

หรือมาแบบเหนือจินตนาการอย่าง Il Mare, Be With You
หรือจะฮอลลีวูดหน่อยๆ อย่าง When Harry Met Sally, French Kiss, Serendipity, Sleepless In Seatle

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้ทรงให้แนวทางการมีคู่แท้ไว้ว่า
พึงมีความเสมอกันใน 4 ประการ คือ ศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญา

(แก้ไขให้ใหม่แล้วนะครับ อะไรมันจะก่งก๊งได้ขนาดนั้น
ขอบพระคุณที่ทักท้วงมานะครับ)

ศีล คือวิธีการดำเนินชีวิตปกติ
ข้อนี้จะเข้าใจง่าย เพราะคนทั่วๆไป ถ้าบอกว่า
คนเราควรหาแฟนที่มีวิถีชีวิตใกล้กัน ส่วนมากจะนึกออกเลย ว่าเพราะอะไร

ศีลในประเด็นนี้ ไม่ได้หมายความแค่ศีล 5 ศีล 8
แต่หมายถึงการใช้ชีวิตปกติธรรมดาของคน 2 คน ว่าเข้ากัน หรือต่างกันขนาดไหน

เช่นคนชอบเที่ยวกลางคืน ย่อมอยู่กับคนชอบเที่ยวกลางคืนได้
แต่อยู่กับคนที่ไม่ชอบเที่ยว ชอบอยู่แต่บ้านชอบไปวัด ลำบากครับ

คนชอบสูบบุหรี่ ย่อมอยู่กับคนชอบสูบบุหรี่เหมือนกันได้
แต่อยู่กับคนไม่สูบบุหรี่ เหม็นบุหรี่ แพ้บุหรี่ ลำบากครับ

อันนี้ยกตัวอย่าง แบบที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องศีล 5 โดยตรง
ถ้าเกี่ยวโดยตรง อย่างคนที่ถือศีล 5 เคร่งครัด ไม่ฆ่าสัตว์
เกิดมีสามีชอบเข้าป่า ยิงนก ยิงสัตว์ จะทรมานใจมากครับ

นี่คือเหตุว่า ทำไมคู่รักที่ดี จึงควรมีศีลเสมอกัน

ศรัทธา อันนี้ตรงตัว คือศรัทธาในพุทธศาสนา
ผมรู้จักเพื่อนบางท่านที่แต่งงานกับคนต่างศาสนาที่ใจไม่กว้าง
เวลาจะมาปฏิบัติ จะไปวัด ต้องแอบๆ นึกแล้วก็ชวนถอนใจ

หรือแม้แต่คนที่เป็นศาสนาเดียวกัน ถ้าต่างแนวกันก็ยังลำบาก
ไม่ต้องพูดถึงคาธอลิคกับโปรเตสแตนท์
ไม่ต้องพูดถึงซุนหนี่ กับชีอะห์
เอาแค่จานบิน กับสันติอโศก ก็เหนื่อยแล้ว

อันนี้ไม่ได้บอกว่า จานบิน กับสันติอโศก อันไหนดีไม่ดีนะครับ
แค่บอกว่า คิดต่างกันศรัทธาต่างกัน คุยกันแล้วมันเหนื่อย




จาคะ คือการสละ การคลายจากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่มี
ข้อนี้มองเผินๆ อาจจะคล้ายๆ "ทาน" แต่ต่างกันนิดหน่อย

แต่ทานเป็นเรื่องของการหามา แล้วจึงให้ อย่างสังฆทาน
เราก็ไปจัดหา จัดซื้อ จัดเตรียม เพื่อให้ไป
จาคะเป็นเรื่องของการสละ สิ่งที่มีอยู่เดิมแล้ว
สิ่งที่เรายึดมั่นว่าเป็น "ของเรา" ออกไป

อันนี้ถ้าผมตีความผิด ผมขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ

ข้อนี้ผมว่ามันสะท้อนถึง "ทัศนคติ" ด้วย
คนที่ยึดมั่นถือมั่นแรงกล้า จะมีอัตตาแรง อารมณ์แรง
มีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสูง ขี้หึง ขี้วีน

ปัญญา คือความคิดความอ่าน ความเข้าใจและมุมมอง
ทั้งในเรื่องทางโลก และทางธรรม

คนที่เข้าใจอะไรเสมอกัน ย่อมอยู่กันอย่างสบายใจราบรื่น
มากว่าคนที่มองทุกอย่างในมุมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

เพื่อนๆ น้องๆหลายคน รวมถึงตัวผมด้วย
ต่างก็รู้สึกว่า ถ้าจะต้องมีคู่อีกในชาตินี้
ขอแบบที่ฝักใฝ่ในการปฏิบัติแนวทางเดียวกัน
ก็ด้วยเหตุนี้ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องบาปบุญ
เรื่องนรก สวรรค์ เรื่องกรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

ไปจนถึงเรื่องความแตกต่างของสมถะ กับวิปัสสนา
หรือวิธีเดินไปสู่ พระนิพพาน

หรือถ้าเป็นปัญญา ความเข้าใจทางโลก
ก็อย่างเรื่องทักษิณ เรื่องคมช. เรื่องรับไม่รับ
ถ้าเข้าใจหรือเห็นไม่ตรงกัน มันเหนื่อยพิกลเลยทีเดียวเชียว

เว้นแต่จะเห็นได้ว่า คนเราคิดต่างกันได้
และเคารพความคิดของกันและกันได้จริงๆ

ใครที่มีคู่อยู่แล้ว รู้สึกว่ามันตะกุกตะกักเหลือเกิน
ลองพิจารณาดูว่า 4 ข้อที่ว่า มันไม่เสมอกันข้อไหนบ้าง จริงไหม

แต่ถ้าคุณเป็นคู่ที่แสนสุขสมนั่งชมวิหค
ก็ลองพิจารณาดูว่า เป็นเพราะ 4 ข้อนี้เสมอกันจริงๆใช่ไหม

เวลาบอกว่าเสมอกันนี่ ไม่ใช่ว่าต้อง 100% เป๊ะ
บางคู่ ได้ 3 ใน 4 ก็แฮปปี้แล้ว
เพียงแต่ยิ่งเปอร์เซนต์ของความเสมอกันมากเท่าไหร่
ระดับความสุขในชีวิตคู่ก็มากขึ้นเท่านั้น

ถ้ายังไม่เจอ ก็ทำบุญไปพลางๆก่อนนะครับ
ของแบบนี้ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าล่ะน่า

วันนี้นึกถึงเพลงนี้อีกแล้ว It Never Happened before ของลุงพอล แมคคาร์ทนีย์


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=25-08-2007&group=2&gblog=228

Music and Lyrics เหตุผลที่คนรักกัน

Music and Lyrics เหตุผลที่คนรักกัน






พระพุทธเจ้าบอกว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีทุกข์

เจอโรม เคิร์น นักแต่งเพลงระดับตำนาน เคยบอกว่า
ยามที่ไฟรักลุกโหมทรวง ควันมันจะเข้าตาเรา
ในเพลงชื่อ Smoke Gets In Your Eyes

วงร็อคชื่อ นาซาเร็ท บอกว่า Love Hurts
เดอะ แน็ค เคยร้องเพลงชื่อ How Can Love Hurt So Much

เดอะ สกายไลนเนอร์ เคยบรรยายความปวดร้าวยามไม่มีเธอ
ว่ามันไม่มีอะไรเหลือเลยในชีวิต ในเพลง Since I Don't Have You

เบิร์ท แบคแครท เคยเขียนเพลงชื่อ I'll Never Fall In Love Again
บอกว่า.. รักแล้วไม่เห็นมีอะไรดี มีแต่ข้อเสีย

เหมือนที่ดิออน วอร์วิค เคยร้องว่า ฉันจะไม่รักใครแบบนี้อีกแล้ว
I'll Never Love This Way Again

แล้วทำไม..ใครๆ ก็ยังอยากมีความรัก?

ความสงสัยนี้อยู่คู่โลกมานาน เหมือนที่มีเพลงอย่าง
Why Do Fools Fall In Love? ของแฟรงกี้ ไลมอน

ผมเป็นคนชอบดูหนังรักตลก ที่เขาเรียกโรแมนติค คอเมดี้
แต่ Music and Lyrics เป็นหนังที่ผมเพิ่งจะได้ดู เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เหตุผลคือ ไม่กล้าไปดูในโรงคนเดียว
เวลาไปดูหนังรักคนเดียว มันวังเวงจะตายไป
ยิ่งโมแรนติคเท่าไหร่ ก็ยิ่งวังเวงมากเท่านั้น

แต่ดูแล้วอยากตบกระโหลกตัวเองว่าทำไมเพิ่งยอมดู
เพราะหนังมันน่ารักมากนะครับ

เรื่องของนักร้องหนุ่มใหญ่ที่เคยดังเมื่อยี่สิบปีก่อน
แต่ตอนนี้ชีวิตง่อนแง่นกระท่อนกระแท่นเต็มทน
จนได้โอกาสทองหล่นตุ๊บมาตรงหน้า เมื่อซุปเปอร์สตาร์สาวน้อยที่เคยเป็นแฟนเพลงของเขายื่นโอกาสให้

โดยเขามีเวลาไม่กี่วันจะต้องเขียนเพลงรักใหม่ให้เธอร้องคู่กับเขาหนึ่งเพลง

พระเอกก็หัวหมุน เพราะตัวเองเก่งแต่เรื่องดนตรี แต่เขียนเนื้อร้องห่วย
แล้วยังฝังใจกับอาการแป้กของอัลบั้มเดี่ยว ชุดเดียว ที่ไม่เคยมีใครอยากซื้อนอกจากแม่

แล้วนางเอก ก็โผล่มาในฐานะคนดูแลต้นไม้
ที่ห่วยจนแยกไม่ออกว่าต้นไหนจริง ต้นไหนพลาสติค
แถมยังทำต้นไม้พระเอกตายหมด.. ยกเว้นต้นที่เป็นพลาสติค

แต่ในระหว่างที่ต้นไม้ในอพาร์ตเมนท์ของพระเอกค่อยๆตายไป
ต้นรักในใจของสองคน กลับเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

เล่าแค่นี้นะครับ .. เดี๋ยวจะมีคนปาหมอนว่าผมทำให้เขาดูไม่สนุก

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากหนังเรื่องนี้คือ
ไม่มีใครเลยที่เป็นคนสมบูรณ์แบบ
การที่คนสองคนรักกัน ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย

แต่เพราะอีกฝ่ายทำให้ตัวเราสมบูรณ์ขึ้น
และอาจบางที ความรักที่แท้จริง คือการรักในความไม่สมบูรณ์ของคนๆนั้นนั่นแหละ

ดนตรีเปล่าๆท่อนนึง คงไม่มีความหมายอะไรถ้าขาดเนื้อร้อง
ส่วนคำร้อง ก็เป็นได้ดีที่สุดแค่บทกวี ถ้าไม่มีทำนอง

ในเรื่องมีเพลงเพราะหลายเพลง
แต่ผมเทใจให้เพลงนี้ Don't Write Me Off

เพราะมันเหมาะกับคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างผม
ที่คงไม่โชคดีอย่างพระเอกในเรื่อง ที่เจอเนื้อร้องที่ลงตัว

C'est La Vie ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ

ใครที่เจอคนที่เติมเต็มชีวิตคุณได้พอดีแล้ว
คนที่รักในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณได้
และคุณก็เป็นส่วนเติมเต็มให้ชีวิตเขาได้พอดี
รักในความไม่สมบูรณ์แบบของเขาได้ ด้วยความสบายใจ
อยู่กันได้ด้วยความจริงใจ ไม่ปรุงแต่ง
โปรดรักษาเขาไว้ให้ดีนะครับ

ต้นไม้พลาสติคอาจจะทานทน
แต่หัวใจคนไม่ใช่พลาสติค..นะครับ

สุขสันต์วันที่ยังมีรักอยู่บนโลกครับ

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เนื้อเพลง: รัก (ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ) เพลงรักแนะนำที่คุณต้องฟังสักครั้ง


เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง

เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมาก
เหมือนที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

โอ้...เธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร



รัก - ปุ๊ อัญชลี

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความรู้สึก... ระยะห่างของอีกคน

วันเวลาที่ผ่านมา ชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา ......บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป

แต่กลับบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น.. จากคนแปลกหน้า
กลายเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย ล่วงเลย ไปถึงกลายเป็นคนรักกัน

เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
สถานภาพทางความรู้สึกของเราก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จักคนคุ้นเคย

หรือ

คนรักกันไว้ได้อย่างคงที่…

บางคน เปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนคุ้นเคย…
จากคนเคยคุ้น กลายมาเป็น คนรักกัน ..
ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้ …
และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น ..

แต่ในทางกลับกัน..
ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น ...กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก ..
กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป ..

แน่นอนว่า ระยะห่างของคนรู้จัก กับ คนรัก ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ..

ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา พอ ๆกับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก..
ไม่มีมาตราวัดใด ๆที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
และระยะห่างในแต่ละสถานภาพทางความรู้สึกในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน..
เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน 1
ในความรู้สึกของคนหนึ่ง อาจจะเป็น 100 ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้ ..

และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน ...
เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว
เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ..
กับคนบางคน เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง
กับคนบางคน เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่ . .....
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป..
แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่
ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด..

เคยรู้สึกใช่ไหมว่า ..
ขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับกำลังเดินหนี
กับบางคนเรากำลังเดินหนี บางคนกลับเดินตาม…
กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มาก
แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน..
ขณะที่บางคนวิ่งตาม ล้มลุกคลุกคลานและเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
และขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน
อะไรก็เกิดขึ้นได้ กับความรู้สึกคน..
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น

บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้ บนความห่าง ห่างจนลับตา ..
ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน
ไม่เคยรับรู้ว่า .. ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน

แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องห่างไป แต่ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้ .. ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ
การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน… บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต..
ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม..

ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของเวลา ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย…
ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหาริย์..

เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา
ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง ระยะห่างจะได้สั้นลง พยายามต่อไป
เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่าความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า

ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี
ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดี ๆ ไปเพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน

เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน
เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่า การพยายามเดินเข้าใกล้หรือห่างหนี..เสียอีก..

แล้วคุณ ๆ เล่า
เคยนึกย้อนกลับมามอง ระยะห่าง ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม..

เคยรู้สึกไหมว่า บางที ความห่างไกล กับ ระยะห่างของความรู้สึกเป็นกลับเป็นตัวแปรผกผันกัน

เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างทั้งที่ตัวอยู่ใกล้ๆ
หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึกทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล กันบ้างไหม.

เคยคิดกันบ้างไหมว่า
ระหว่างคนพยายามเดินหนี
คนที่พยายามเดินตาม
และคนที่พยายามยังไงระยะห่างกลับเท่าเดิม
คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน....

http://www.saranair.com/article.php?sid=12640

รักนี้เพื่อใคร (บทประชดความรัก)

ชีวิตนี้คุณพูดคำว่ารัก "รักเธอ" กี่ครั้ง กับคนกี่คน
แต่ละคน คุณพูดว่า "รักเธอสุดหัวใจ" รึเปล่า
แล้วตอนนี้ คนที่คุณพูดคำนั้นด้วย ยังอยู่ใกล้ๆ คุณรึเปล่า ???

เคยได้ยินคนที่เค้าคอยเตือนเรามั้ย
ว่ารักใครอย่ารักหมดหัวใจ รักครึ่งเดียวพอ
ใครบางคนไม่ต้องบอก เค้าก้อทำได้ เพราะเค้าอาจไม่เคยรักใครจริงๆ
แต่ใครบางคนรักสุดหัวใจ กับทุกๆ ครั้ง เพราะเค้ามองหาแต่รักแท้

แล้วเคย อกหัก กันบ้างรึเปล่า ???
อย่าบอกเลยนะ ว่าไม่เคย
แล้วเจอแบบไหนกันบ้าง แบบนี้รึเปล่า
เราเป็นเพื่อนกันนะ เราคงไปด้วยกันไม่ได้
แล้วเคยเดินตามเค้าไปมั้ย ว่าเค้าไปกับใครต่อ (ที่ไปด้วยกันได้)

รับรองว่าร้อยทั้งร้อย
ถ้ายังไม่มีใครใหม่ เค้าก้อจะยังสนุกกับของเล่นชิ้นเดิม

แล้วถ้าเค้าทำแบบนั้นกับเรา คุณจะยังรักเค้าอีกมั้ย
ยังรักสุดหัวใจอีกรึเปล่า คุ้มแล้วเหรอ ที่จะเศร้าที่จะเสียใจให้
ไม่คุ้มหรอก คนที่เราสมควรรัก คือคนที่รักเราและหวังดีกับเรา
คนที่จะไม่มีวันทิ้งเราไป คนที่จะยืนอยู่ข้างเราเสมอต่างหากล่ะ

ถ้าเค้ามาผลักให้คุณล้ม
แล้วคุณล้มและร้องไห้อยู่ตรงนั้น คุณก้อคือผู้แพ้
แต่หากคุณไม่ล้ม และยังยืนอยู่อย่างสง่า คุณก้อคือผู้ชนะ
อยากร้องก้อร้องไป ไม่มีใครห้าม
ผมเชื่อว่าวันนึงคุณก้อเบื่อที่จะร้องทุกๆ วัน
อดทนหายใจต่อไปก้อพอแล้ว
แค่หายใจ ไม่หนักหนานี่นา เดี๋ยวก้อดีเอง
ใครๆ ก้อเคยเจอ ใครๆ ก้อเคยเจ็บ
ถ้าทุกคนที่อกหักแล้วต้องตาย โลกนี้คงร้าง

วันนี้หากคุณต้องอยู่คนเดียว (อีกครั้ง)
อย่าลืมถามตัวเองล่ะ ว่ารักที่เคยอยู่ในใจ
คุณจะเก็บเอาไว้เพื่อใคร เพื่อตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ...???

http://www.saranair.com/article.php?sid=6205

Meaning of LOVE

beloved (adj) ที่รัก สุดที่รัก เป็นที่รักยิ่ง เช่น my beloved wife
beloved (n) ผู้เป็นที่รัก
love (n) ความรัก ความชอบ ความใคร่ คนรัก คู่รัก เช่น For all their love
love (vt) รัก ชอบ พอใจ ต้องการ สมสู่ เช่น I would love to have you here (แปลว่า ฉันคงดีใจถ้าเธออยู่ที่นี่)
loveable (adj) น่ารัก น่าชื่นชอบ เช่น She is very loveable
lovability (n) lovableness (n) lovably (adv) มีคุณสมบัติที่ดึงดูดให้คนอื่นมาหลงรัก
loveliness (n) ความน่ารัก ความสวย ความงาม
lovelorn (adj) อกหัก พลัดพราก ถูกทอดทิ้ง (bereft of love or of a lover)
lovely (adj) งาม น่ารัก สวยงาม สวย ดีงาม She is a lovely girl
lovemaking (n) การเกี้ยวพาราสี การจีบ การสมสู่ เช่น Lovemaking is very artful
lover (n) คู่รัก ชู้รัก คนรัก
lovesick (adj) เป็นไข้ใจ
lovesickness (n) การเป็นไข้ใจ
love affair (n) เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ เช่น He was having a love affair (อาจแปลว่า ชู้ มีชู้ ได้ด้วย)
love letter = จดหมายรัก
love song = เพลงเกี่ยวกับความรัก
love story = เรื่องราวความรัก
dearly loved = dear to the heart รักสุดขั้วหัวใจ
fall in love = ตกหลุมรัก เช่น I fall in love with her
in love = อยู่ในห้วงรัก เช่น I am in love. ชื่อหนัง 'Shakespeare In Love'
well-beloved = รักอย่างสุดซึ้งและจริงใจ เช่น my well-beloved wife

รักบางครั้งไม่ได้จบลงที่ คนสองคนอยู่ด้วยกัน

รักบางครั้งไม่ได้จบลงที่ คนสองคนอยู่ด้วยกัน
แต่รักอาจจบลง...ที่ทั้งสองไม่ได้เห็นหน้ากันอีกเลย
ฉันรู้ว่า....ควรรักเธออย่างไร ยอมเข้าใจในความเป็นตัวเธอและฉัน
บางครั้งอาจตรงกันบ้าง..ในบางเวลา
รักโดยไม่หวัง ..สิ่งใดจากเธอเลย...แม้เพื่อเธอจะรักตอบ ....







--------------------------------------------------------------------------------


ความห่างไกล...เป็นแค่เส้นขีดเวลา ให้ห่าง...
แต่ไม่อาจขีดเส้นคั่นระหว่างสองใจได้ ตราบเท่าสองคนยังหยัดยืน
เคียงข้างกันและกัน..............................

หนังสือ กับ ความรัก

...อย่าตัดสินหนังสือว่าดี แค่ปกสวยๆ
...อย่าบอกว่า….น่ารักเหลือเกิน แค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย…ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที่ชอบไม่ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน…มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคนอื่นเสมอ

...อย่าตกใจเมื่ออ่านหนังสือระดับ Best Seller แล้วไม่ชอบ
...ถ้ารักคนคนเดียวกับที่คนอื่นรัก...คงแย่งกันน่าดู

***การชอบหนังสือสักเล่มไม่ได้หมายความว่า..หนังสือเล่มนั้น..เนื้อหาดีทุกหน้า
*** การรู้สึกดีกับใครสักคน..ไม่จำเป็นว่า..เขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
...อย่าเสียดายเวลา ถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า..ไม่ใช่แบบที่ชอบ

จงรู้สึกดีกับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่...
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา… ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน
...แม้วันหนึ่งจะรู้ว่า… เขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อย...เราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นและพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป

…การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา
...เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
...หนังสือมีสิ่งต่างๆ หลากหลายให้ศึกษา
ทดลองอ่านดู…ก่อนที่จะตัดสินว่าน่าเบื่อ

... บางครั้ง…สิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป….
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา…แล้วในตอนจบ
…ก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที่สุด
…เหมือนกับความรัก…
...ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ
…แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาโดยไม่รู้ตัว
อย่างน้อยที่สุด…ก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่งบทเรียน
ที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีรากฐานที่ดีกว่าที่ผ่านมา

… สำหรับฉัน "ความรัก" เปรียบเหมือน..
... การได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม (อ่านทีละเล่มนะจ๊ะ)
แต่ละเล่มที่ผ่านไปสอนให้ฉันเข้มแข็ง…
สอนให้ฉันรู้จักโลกที่เป็นจริง…
และสอนให้ฉันรู้จักใจของตัวเอง
… แม้ว่าตอนจบของแต่ละเล่มจะไม่สมใจ
แต่ฉันก็ไม่คิดจะหยุด ท้อ หรือกลัวที่จะค้นหา
ฉันจะอ่านต่อไป… จนกว่าจะเจอ "หนังสือของฉัน" ^-^


คุณล่ะ…เจอรึยัง?
ถ้าเจอแล้ว…อย่าลังเลที่จะหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
อย่ากลัวที่จะเสียเวลาและผิดหวัง
ไม่แน่นะ…เล่มที่อยู่ในมือตอนนี้น่ะ
อาจจะตรงกับความรู้สึกของคุณที่สุดก็ได้


http://www.saranair.com/article.php?sid=8019

ไม่ควรคู่ ไม่ไช่ไม่คู่ควร

เคยมั้ย ? อ่านบทความของคนอื่น แล้วรู้สึกดี..อย่างบอกไม่ถูก

ชั้น..STICKZER ก้เช่นเดียวกัน *



นี่ก้เป็นเรื่องที่ 3 หรือ 4 ไม่แน่ใจ ที่เขียนบทความขึ้นมา

เขียนขึ้นมาจากค.รู้สึก ,,



ไม่แปลกเลย, ที่แต่ละเรื่องของชั้น

มีค.รู้สึก ที่แตกต่างกันออกไป



,,





ชีวิตฉันในวันนี้..

รู้สึกแปลก ๆ จะดีหรือไม่ดี ไม่แน่ใจ



ชีวิตชั้นเปลี่ยนไป.. ไม่สิ ต้องเป็น..ถูกเปลี่ยนไปมากกว่า *

ตั้งแต่ มาเจอเธอ ,, ก้ตั้งแต่ที่เราเจอกัน นั่นล่ะ ''''





ไม่คิด ไม่เคยฝันด้วยซ้ำ

ว่าเราจะได้ใกล้กันถึงขนาดนี้..





ชีวิตเราสองคน, เหมือนจะตรงข้ามกันทุกอย่าง

ทุกอย่างจริง จริง *



เธอ.. ชอบอะไร ๆ ที่เงียบสงบแต่ไม่มืด ชั้น..ชอบมืด ๆ เงียบ ๆ

เธอ.. ชอบสีขาว สีดำ, ส่วนชั้น..ชอบสีฟ้า เหตุผลก้มันสดใส

เธอ..ชอบคณิตศาสคร์ ส่วนชั้น, เกลียดคณิตศาสตร์เป็นอาจิณ

เธอ..ได้ท้อปสายชั้น ในวิชาเคมี ส่วนชั้น..สอบกี่ครั้ง ๆ ไม่มีวี่แววจะผ่าน

เธอ..ชอบที่จะเล่นเกม ชั้น..ชอบที่จะฟังเพลง

เธอ..ไม่ชอบพูด ชอบเก็บไว้ในใจ ส่วนชั้น..เครียดเมื่อไหร่ ? เป็นต้องระบาย



ชีวิตเรา, ต่างกันมาก *

ซึ่งชั้น ก้เคยบอกเธอไปหลาย ต่อหลายครั้ง



แต่คำพูดเดียว ที่ได้กลับมา..ก้คือ,

' ฟ้า + ดำยังได้สีเทาบลู '



^ ^



คำพูดนี้..ชั้นอาจจะรู้สึกดี ได้มาก

เอาเถอะ อย่างน้อยก้มากกว่าเดิมม ,,,



แต่เธอรู้มั้ย ?

ชั้นรู้สึกว่า..ชั้นเปนดิน ส่วนเทออยู่บนฟ้า

รู้สึกว่าเรา ต่างกันเกินไป.. เรา, น่าจะไป ด้วยกัน..ไม่ได้ - -

รู้สึก หลายๆ อย่าง, ว่าเธอดีเกินไป..

ดีเกินกว่าคนอย่างชั้น จะได้เดินคู่กับเธอ *



ค.รัก มันสั่งให้ชั้น ถอยห่างออกมา..

มันสั่งให้ชั้น, ยิ้มม รับกับคำพูดในสมองชั้น

เธออาจจะไม่รู้สึก อย่างที่ชั้นรู้สึก

แต่.. ชั้นก้ไม่อยากไปไหน ,, อยากอยู่อย่างนี้

อยากดูแลเธออย่างนี้.. ถึงแม้ว่า '' จิตใต้สำนึก มันบอกชั้น ว่าเราไม่ควรคู่กัน



,,



ชั้นรู้.. ว่าชั้นอาจจะไม่ไช่ ผู้หญิงที่ดีเลิศเลอ!

ไม่ไช่ผู้หญิงที่เรียบร้อย พร้อมที่จะอดทนเพื่อเธอทุกอย่าง

หรืออาจจะ เป็นผู้หญิงที่เงียบ ๆ ไม่พูด ไม่รั่นอะไร ?

เพียงแค่ชั้นพร้อมที่จะนั่งเงียบ ๆ กับเธอ เวลาที่เธอรู้สึกไม่ดี



เท่านั้นเอง..





ทุกอย่างที่ทำให้เธอ ดีจัยที่ได้ทำให้..และพร้อมที่จะทำให้ '''

พร้อมที่จะให้เธอ ตลอดไป..





ดีใจที่ได้เจอเธอ..

สติ๊กเซ่อ * ๒๖๐๙๕๒''


http://www.saranair.com/article.php?sid=17867

คนเราเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต
ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ
เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ
ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ
ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น
เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด
เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป
พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น
และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด

^_^ คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย

มองด้วยอะไร...หัวใจหรือดวงตา

มองด้วยอะไร...หัวใจหรือดวงตา



ด้วยสัญชาตญาณแล้ว...คนเราก้อต้องเลือกสิ่งที่มองเห็นจับต้องได้

เป็นหลัก

ในการตัดสิน หรือ ยึดติดกับอะไรสักอย่าง

แต่ทุกสิ่ง...ทุกอย่าง

ย่อมมีข้อยกเว้น....เสมอ มิใช่หรือ????


มีคำกล่าวที่ว่า "สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ สิ่งที่เป็น"

บางอย่างในชีวิต ... เราไม่อาจตัดสินมันด้วยสายตา

หรือใช้สมองของเรา ... ประมวลผลออกมาได้

น้ำตาที่หลั่งออกมา ด้วยอารมณ์"เศร้า" หรือ "ดีใจ"

มันบ่งบอก...อะไร...บางอย่าง

หลายครั้ง...ที่พยายามจะมองด้วย "หัวใจ"

แต่มันยากเกินไป...เกินไป

การเชื่อ ที่ไม่มีแม้แต่ความเป็นไปได้

การศรัทธาที่ไม่มีวัน...พบเจอ

ความว่างเปล่า...การไร้ตัวตน

แล้วเราควรทำ...อย่างไร?????

"มองด้วยหัวใจ หรือดวงตา"

"ตัดสินด้วยปัญญา หรือ หัวใจ"


http://www.saranair.com/article.php?sid=14068

ความผิดหวัง บอกเราเรื่องความอดทน

ความผิดหวัง บอกเราเรื่องความอดทน

ความผิดหวังบอกเราเรื่องความอดทน
เราสามารถเอาชนะความรุ่มร้อนและอ่อนแอได้
ถึงจะยากแต่ถ้าปฏิญาณอย่างจริงจังยังมีทางแก้ไขได้

ความผิดหวังบอกเราเรื่องการค้นคว้า
เราสามารถเอาชนะความเขลาและเกียจคร้านได้
ถึงจะยากแต่ถ้าจัดการกับตัวเองวันนี้ยังมีทางสมหวัง

ความผิดหวังบอกเราเรื่องความไม่ประมาท
เราสามารถเอาชนะความเผลอเรอและหลงลืมได้
ถึงจะยากแต่ถ้าฝึกฝนวันนี้ยังมีทางเป็นไปได้

ความผิดหวังบอกเราเรื่องการช่วยเหลือ
เราสามารถเอาชนะความใจแคบและมีอคติได้
ถึงจะยากแต่ถ้าเพาะเมตตาวันนี้ก็ยังไม่สายเกินไป

ความผิดหวังบอกเราเรื่องความตั้งใจจริง
เราสามารถเอาชนะความหวั่นไหวและหวาดกลัวได้
ถึงจะยากแต่ถ้าเริ่มต้นวันนี้ยังมีทางสำเร็จ

http://www.saranair.com/article.php?sid=15828

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

L O V E _ & _ T I M E ~: •

เลขา: 'ท่านคะ...มีคนจะขอเรียนสายท่านค่ะ'


ผู้จัดการ: 'ใครครับ'

เลขา: 'เขาบอกว่าชื่อความรัก ค่ะ'

ผู้จัดการ: 'อืมม..บอกเค้าว่าผมงานยุ่งมาก'


.........เวลาผ่านไป......



เลขา: 'ท่านค่ะความรัก ยังงรอสายท่านอยู่ค่ะ'


ผู้จัดการ: 'อือ...บอกไปว่าผมไม่สะดวกรับสายนะ'



..........ผ่านไป..........

เลขา: 'ท่านคะ'

ผู้จัดการ: 'คุณ...ความรักอีกเเล้วใช่ไหมครับ บอกว่าผมงานยุ่ง ไว้ผมจะ...

เลขา: 'ไม่ใช่ค่ะ!มีคนจะคุยเรื่องงานค่ะ'


......ในวันที่หัวใจว่างว่างว่าง...



mobile Phone: You have 1 new message in your mailbox

'Please call.. Goodbye from ความรัก'

ผู้จัดการ: 'ช่วยต่อสายความรักให้ผมหน่อย'


เลขา: 'ค่ะ'

............'ตู้ดๆๆๆ ..........


ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้


กรุณาฝากข้อความเเละหมายเลขโทรกลับค่ะ...'


เลขา: 'ติดต่อไม่ได้ค่ะ จะให้ฝากข้อความไหมคะ'


ผู้จัดการ: 'ไม่ต้องครับ'



ความเหงาเข้ามาเยือน... แล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป


.............ผ่านไป...........



ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาฝากข้อความเเละหมายเลขโทรกลับค่ะ'


ผู้จัดการ: 'ความรักครับ คือ

ผม...เห็นคุณเงียบหายไปไม่รู้ว่าสบายดีไหม


ช่วงก่อนหน้านี้ผมงานยุ่งตลอดไม่มีเวลาว่าง
ต้องขอโทษด้วย
ไม่รู้ว่าจะสายไปไหมถ้าจะบอกว่า
ผมพร้อมที่จะมีความรักเเล้ว


ถ้าได้รับข้อความเเล้วช่วยติดต่อกลับด้วยนะครับ'



ร อ
ร อ
ร อ
รอคอยความรักจนถึงวันนึง.....



เลขา: 'ท่านค่ะ ความรักโทรมา


ให้ปฏิเสธไปเลยไหมค่ะ?'




ผู้จัดการ:'ไม่ต้อง รีบโอนสายมาเลย'

ผู้จัดการ:'สวัสดีครับความรัก คุณหายไปไหนมา


ขอโทษด้วยนะครับ


ผมไม่มีเวลาใส่ใจ


ไม่เคยสนใจตลอดเวลาที่ผ่านมา


ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตผม


ผมขอโทษ...'



ความรัก:'ดิฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอกค่ะ


ไม่ว่าจะอย่างไร


ความรักอย่างดิฉันก็มีหน้าที่ให้ความรักเสมอ


เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดใจต้อนรับ


เมื่อนั้นคุณก็จะได้เป็นเจ้าของความรัก


เเต่ที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อก็เพียงเพราะว่า


ฉันไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์ค่ะ!


เงินมีค่าเสมอเเม้กับความรัก


เเต่อย่าให้ถึงขนาดว่า
ความรัก ซื้อได้ด้วยเงิน


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง


From FW

เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า

“ เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่าคะ ? “ วันนี้มีคนถาม แล้วก็เลยอยากถามต่อ..
ส่วนตัวเชื่อทั้ง พรหมลิขิตและเราลิขิตค่ะ เพราะในบางเรื่องรู้สึกมั๊ยค่ะว่า
ดูเหมือนไม่มีทางเลือกเลย เท่าที่ทำได้ก็คือยอมรับค่ะ ถึงได้มีคำถามเกิดขึ้นบ่อยๆว่า

“ถ้าเลือกได้จะทำอย่างนั้นมั๊ย” หรือ “ถ้าเลือกได้จะตัดสินใจทำอย่างไร”
แต่เพราะเลือกไม่ได้ เราถึงต้องยอมรับและทำให้ดีที่สุดในเงื่อนไขที่มีอยู่

โดยเฉพาะเรื่อง ความรัก ค่อนข้างยกหน้าที่ให้กับพรหมลิขิตไปล้วนๆ
ในส่วนของการได้เจอใครสักคน

แต่ “ เราลิขิต” คงจะอยู่ในส่วนของการรักษาดูแลความรักนั้นไว้มากกว่า

ที่เชื่อแบบนี้อาจเป็นไปได้ค่ะ ที่มักเจอและเห็นประสบการณ์แบบนี้บ่อยๆ
บางคนรักกันมานานนับเป็น 10 ปี ไม่ลงเอยกันสักที พอต่างคนต่างไปเจอใคร
ก็เริ่มมีเหตุผลว่า เจอคนที่ใช่กว่า ที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่ความรัก อื้อหือ..แล้วจะ
ให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ

ในขณะที่บางคู่ ต่างชาติ ต่างภาษา คนละซีกโลก วันหนึ่งอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ต้องมา
เจอกันในลิฟท์ แล้วเค้าก็สามารถรักกัน เป็นคู่ชีวิตที่เหมาะสมกันที่สุดได้

ใครก็ตามที่มีคนรู้ใจรู้แล้ว เคยถามตัวเองมั๊ยค่ะว่า “ คุณรักเค้าหรือเธอคนนั้น
เพราะอะไร “ คำตอบอาจมีต่างๆกัน
“ เพราะเค้าเป็นคนดี “
“ เพราะเค้าน่ารักอบอุ่น “
“ เพราะเค้าสามารถดูแลตัวเองได้และเป็นผู้นำที่ดี “

แต่ถึงที่สุดแล้ว คนที่เป็นผู้นำ น่ารัก อบอุ่นทุกคนก็ใช่ว่าคุณจะเลือกเค้าเป็นแฟน
ไปซะทั้งหมด แต่ทำไมต้องเป็นคนนี้

สำหรับคนโสดบ้าง คุณเชื่อหรือเปล่าว่า มีใครสักคนกำลังรอคุณอยู่ เค้าอาจกำลัง
ตามหาคุณ เหมือนที่คุณกำลังตามหาเค้าก็ได้

มีหนังสืออยู่หลายเล่ม ที่มักจะแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่เจอคนรู้ใจให้เปิดตัวเอง…
พบปะผู้คนตามสถานที่ต่างๆ ถึงขนาดมีการแนะนำว่า ต้องการหาแฟนแบบไหน
ควรหาสถานที่แบบใด คนที่ทำตามอาจจะสมหวังบ้าง แต่คงไม่ทั้งหมด และแล้ว
ก็เลยได้บอกกับตัวเองว่า

“ เรื่องแบบนี้ยิ่งวิ่งตามยิ่งเหนื่อย อยู่เฉยๆถ้าจะมาเดี๋ยวก็มาเอง “

แหม ถ้าเชื่อแบบนี้ตั้งแต่ต้นก็คงไม่ต้องเหนื่อยอย่างนี้ เผลอๆวิ่งตามไปตามมาได้
เจอคนที่หน้าเหนื่อยหัวใจ จะมาโทษตัวเองที่หลังว่า อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องแท้ๆ

เวลาคุยกันในวงสาวๆเนี่ย สิ่งที่มักอยากรู้กันเหลือเกินคือเรื่อง “ สเป็ก”
ชอบคนแบบไหน รูปร่าง นิสัยเป็นยังไง… เพื่อนสาวคนหนึ่งเธอเป็นคนที่พูดเก่งมาก
เธอเคยตั้งสเป็กไว้ว่า “ฉันชอบผู้ชายเงียบๆขรึมๆ จะได้ไม่ต้องมาแย่งฉันพูด “
พอเอาเข้าจริงๆ ชายหนุ่มของเธอเนี่ย คณะตลกมาเอง พูดเก่งเหลือเกิน มุขเยอะ
แต่เพื่อนเรากลายเป็นสาวเงียบเรียบร้อยผิดตา (และผิดคำพูดด้วย)

บางคน เจออย่างที่ตั้งสเป็กทุกอย่าง พอเจอกันกลับไม่ชอบแล้ว ต้องมานั่งเปลี่ยน
สเป็กกันวุ่นวาย

คำว่า “คนที่ใช่” อธิบายยากจิงๆค่ะ มันสัมผัสด้วยความรู้สึก แล้วเราก็พยายามหา
เหตุผลมาอธิบายว่า “ใช่เพราะอะไร“ มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ หนอธรรมชาติ
เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ตัดสินใจแทนกันไม่ได้ เพื่อนผู้หวังดี มักจะช่วยแนะนำให้
เราเลือกคนที่ดีกว่าเสมอ… แต่ไม่แน่คนดีคนนั้น อาจไม่ได้เป็น “ คนที่ใช่” ของเราก็ได้
มันก็เลยตอบยากไงค่ะว่าเวลามีคนมาถามเราว่า

“ทำไมเธอไม่เลือกคนนี้ เค้าไม่ดีตรงไหน “

เจอ “คนที่ใช่ “ บ้างแล้วหรือยังคะ ? ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แค่อยากเห็น
อยากมอง อยากอยู่ใกล้ “ คนที่ใช่ “ วันนี้ อนาคตอาจจะพบว่า เค้าไม่ใช่แล้วก็ได้
คงไม่ใช่เรื่องผิดปกตินะคะ เพราะมันมีเงื่อนไขอะไรอีกเยอะแยะ ที่เวลาในวันเดียว
มันบอกอะไรไม่ได้ เอาประสบการณ์มาแบ่งกันนะคะ

ครั้งหนึ่งเคยเจอ “ คนที่ใช่ “ คนหนึ่ง มีความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน รักไปกลัวไป
คือกลัวเค้าจะจากเราไปนั่นแหละค่ะ พยายามบอกตัวเองเสมอว่า ลองซ้อมร้องไห้
อยู่บ่อยๆว่า ถ้าเค้าจากเราไปจะเป็นอย่างไรน้า จะอยู่ไหวมั๊ย (ใครหนอช่างเปรียบ
เทียบความรักเป็นสีชมพูไม่ใช่สีแดง เพราะการมีความรักมันไม่ได้สดใส สดชื่นซะ
อย่างเดียว มันต้องมีหม่นๆบ้าง เป็นแค่สีชมพูก็แล้วกัน)

แล้ววันหนึ่ง เรื่องที่หน้าเศร้าคือ ความรู้สึก” ใช่ “ น้อยลงไปเรื่อยๆ ยิ่งอยู่ใกล้
ยิ่งเหงามากขึ้น “ตกลงเราเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นว่า เค้าเป็นคนที่ใช่คนนั้นหรือ “
ไม่ค่ะ เค้าคือคนที่ใช่ ณ วันนั้น แต่ไม่ใช่วันนี้ อย่างที่บอกแหละค่ะ บางข้อที่จะพิสูจน์
ว่าใช่ มันไม่ได้ใช้เวลาแค่วันเดียว… ยังนึกขอบคุณเค้าคนนั้นอยู่นะค่ะอย่างน้อย
การได้สัมผัสความรู้สึกว่า “ใช่เลย “ วันวิเศษมากๆ

ใครก็ตามที่ยังรอคอย และค้นหาคนที่ใช่ ขอให้คุณได้เจอคนๆนั้นเร็ววันนะค่ะ
ถึงแม้ว่า การรอคอยของคนบางคนอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ใช่ว่าคุณเป็นคน
ที่ไม่มีค่า ( โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่คิดแบบนี้)

ครั้งหนึ่งเคยได้ยิน พี่ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ พูดไว้ว่า
“ ครอบครัวไทย มักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก คอยสั่งสอนให้ทำตัว
เรียบร้อย ไม่อย่างงั้น จะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง แต่ความจริงแล้ว ผู้ชาย
และผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า “


จากหนังสือ… good words good feeling หลังไมค์มีไออุ่น…ดีเจ นภาพร

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความเป็นจริง ของโลกใบนี้

อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา.
สัมพันธภาพจะดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล
ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก

เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย
เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ

เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้

เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร
คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม

เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...

จาก FW

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

soul mate

พูดถึง soul mate เอาไว้ว่า....
"soul mate" จะเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรือเป็นคนรู้จักก็ได้
มีคุณสมบัติ คือเป็น
1. ต้องเคยใช้ชีวิตชาติปางก่อนมาด้วยกัน
2. ครั้งแรกที่พบกันในชาตินี้ ต้องรู้สึกทันทีว่าคุ้นมากๆ
มีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน รู้สึกสบายใจและไว้วางใจในทันที
3. เมื่อมีปัญหาแตกร้าว ก็เข้าใจกัน แก้ไขได้ด้วยกันโดยง่าย

"soul mate" มิใช่ "เนื้อคู่" แต่เพียงอย่างเดียว
มีถึง 3 แบบด้วยกัน

แบบที่ 1 เรียกว่า Companion Soul Mates
คือคนที่เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นครูก็ได้ เป็นเจ้านายก็ได้
เป็นคนแปลกหน้าผ่านมาเวลารถเสียแล้วช่วยซ่อมให้ก็ได้
ไม่คิดตังค์ ไม่ล่อลวงไปข่มขืน
หรือเป็นคนที่ได้พบปะพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้ง หรือเพียงครั้งเดียว
แต่เป็นแรงบันดาลใจส่งให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
เป็นคนที่เราจะได้พบในช่วงสั้นๆ ในชีวิต
เพราะชาติที่แล้วเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อนในระยะเวลาจำกัด

แบบที่ 2 เรียกว่า Twin Soul Mates
คือคนที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายชาติแล้ว
พอชาตินี้มาเจอกัน! อีกก็ได้เป็นเพื่อนกันอีก
คล้ายๆ พวกที่1 แต่จะรู้สึกถึงมิตรภาพที่ผูกพันแนบแน่นกว่า
แบบว่าสื่อถึงกันได้ทางโทรจิต คล้ายว่าเป็นฝาแฝดกันน่ะ
พอได้รู้จักกันแล้วก็จะรับรู้ทุกข์สุขกันไปตลอดชีวิต
ประมาณว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนไหนในโลก
ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร

แบบที่ 3 เรียกว่า A Twin Flame Soul Mates
แบบนี้มีคนเดียว ส่วนมากจะเป็นเพศตรงข้าม
ทั้งชีวิตนี้จะมีได้แค่คนเดียว
เป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายชาติภพแล้ว
เป็นจิตวิญญาณของกันและกัน
พอพบกันครั้งแรก จะเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้าหากัน ดั่งเหมือนมีมนต์
(มันจะมีอาการขนาดนั้นเลยเหรอ...เค้าเขียนเว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ย)
จะรู้อยู่ลึกๆ ทันทีว่านี่คือเนื้อคู่แท้ๆ
ต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน
พวกที่เอะอะปิ๊งเอะอะปิ๊ง ห้ามมั่วนิ่ม!


http://www.saranair.com/article.php?sid=4863

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เมื่อเรารักกัน...เมื่อฉันรักเธอ

เมื่อเรารักกัน...เมื่อฉันรักเธอ

เมื่อเรารักกัน...ไม่ต้องคิดว่าจะโง่หรือจะฉลาด

ไม่ต้องคิดว่าถ้าเชื่อเค้าแล้วเราจะโง่ในสายตาใครๆ
ไม่ต้องคิดว่าถ้าเปิดหูตารับฟังปากชาวบ้านเป็นการฉลาด
ไม่ต้องคิดว่าถ้าเชื่อว่าเค้ารักเราคนเดียวเป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่าถ้ารู้ว่าเค้าทำอะไรเพื่ออะไรเป็นเรื่องฉลาด
ไม่ต้องคิดว่าถ้าให้โอกาสเค้าเรื่อยๆ เป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่าถ้าตั้งกฎเกณฑ์แล้วจะฉลาด
เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้เล่นเกม

ไม่ใช่เล่นหมากรุกที่ต้องมองเชิงกันก่อน
ไม่ใช่เล่นวิ่งไล่จับ..คนหนึ่งหนีคนหนึ่งวิ่งตาม
ไม่ใช่เล่นซ่อนหา..ต้องตามจิกตามหาตลอดเวลา
ไม่ใช่เล่นโยนเหรียญ..สุ่มเอาว่าจะหัวหรือก้อย
เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดลอง action = reaction

เวลาเราให้เค้าไปไม่จำเป็นว่าต้องได้รับกลับ
เวลาเค้าโมโหใส่ไม่จำเป็นต้องโมโหกลับ
เวลาเค้าทำไม่ดีกับเราไม่จำเป็นต้องทำบ้าง
เวลาเค้าไม่ทำดีให้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรทำให้เค้า
เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดสอบทฤษฎี Demand & Supply

ไม่เสมอไปที่ต้องการความรักมากๆแล้วเค้าจะมีให้เราน้อย
ไม่เสมอไปที่ให้ความรักเค้ามากๆแล้วราคาความรักจะต่ำ
ไม่เสมอไปที่จะมีจุดที่ความต้องการเท่ากับความรักที่ให้
เมื่อเรารักกัน....ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ทุกอย่าง

ไม่จำเป็นต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ไม่จำเป็นที่ต้องบอกเค้าว่า....
" เค้าคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่เค้ามีถ้า เค้ายังไม่เสียมันไป...."
รักกันไม่จำเป็นต้องขู่กันเรื่องความสำคัญ

รู้อยู่ในใจก็พอ...ว่าเรารักกัน
จำไว้ให้แน่นใจ...กับเรื่องดีๆที่เค้าพูด
จำไว้ให้อบอุ่นใจ...กับสิ่งดีๆ ที่เค้าทำให้เรา
ค้นมันออกมาเวลาเหงาใจ
ค้นมันออกมาเวลาไม่มั่นใจ
ค้นมันออกมาเวลาเสียใจ
เพราะว่าเวลาใจเราอ่อนแอ
สิ่งดีๆ ของเราสองคนมักจะหายไป
อย่าปล่อยให้มันหายไป....เพราะ
คนที่เค้าเคยทำให้เราอาจจะเสียใจ
ที่เราหลงลืมเรื่องดีๆเหล่านั้นแล้ว
Keep asking all the time


จาก...นายกันชน

แด่...เจ้าหญิงของนายกันชน

แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 05 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:33 น.
http://www.uttc.ac.th/index.php/best-article/111-i-love-u.html

*-*-*-*-สิ่งที่ฉันต้องทน...การทำใจไม่ให้รักเธอ-*-*-*-*

*-*-*-*-สิ่งที่ฉันต้องทน...การทำใจไม่ให้รักเธอ-*-*-*-*
มันมีเหตุผลหลายอย่าง . . .
ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจ ไม่ให้รักใครสักคน
เหตุผลของคนเรา ย่อมไม่เหมือนกัน
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะรู้ตัวว่า . . .มันคงเป็นไปไม่ได้
บางคนอาจต้องห้ามใจ
เพราะกลัวใจตัวเอง จะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้
บางคนอาจต้องห้ามใจ
เพราะเขาอาจไม่ได้คิดและรู้สึกเหมือนกับเรา
ทุกข์ทรมานแค่ไหนที่เรารักเขา
แต่ต้องพยายามฝืนใจถอยห่างออกมา
เราต้องเงียบ ต้องเฉยชา ต้องเลี่ยง ต้องหลบหน้า
ต้องทำหน้าตาบึ้งตึงใส่
เพื่อจะย้ำเตือนให้ตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกอะไรใดๆ กับเขา
มันเจ็บแทบบ้าที่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยวิธีการนี้
แม้จะดูเป็นวิธีการโง่ๆ
แต่หากจำเป็นต้องทำ เพื่อปกป้องตัวเอง
เพื่อไม่ให้ใจของตัวเองต้องบาดเจ็บ
การถอยห่าง จะช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า . . .
ยิ่งเรายึดติด อยากได้ อยากครอบครอง
ยิ่งทำให้เราอ่อนแอ และแพ้ภัยตัวเอง
หากไม่ได้เขา มาเป็นคนรักของเรา
ขอเพียงแค่เขา ได้เข้าใจในเหตุผลข้อนี้
อย่าได้เข้าใจว่า . . .
เราโกรธหรือเกลียดเขา ถึงต้องแสดงท่าทีเฉยชาใส่
คนเจ็บปวดคนนี้ก็จะได้มีแรงพยุงตัวเอง
ให้ลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง
พร้อมที่จะใช้ชีวิต ที่เดินบนทางที่เหมาะที่ควร
แม้ว่าการเดินทาง จะมีอุปสรรคมากบ้างน้อยบ้างก็ตามที
หลังจากที่เราเข้มแข็งได้แล้ว ห้ามใจไม่ได้รักเขาได้แล้ว
ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
คิดและรู้สึกกับเขา ได้อย่างคนธรรมดาสามัญที่รู้สึกดีต่อกัน
ไม่ต้องรู้สึกแบบพิเศษที่แอบแฝง ด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
และสามารถอยู่บนโลกใบเดียวกับเขา ได้อย่างจริงใจที่สุด
เป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยไม่ต้องกดดันอะไร
หวังว่าเขาคงเข้าใจ ในเหตุผลที่เรากระทำลงไป
เจ็บนะไม่ใช่ไม่เจ็บ แต่สักพักก็คงจะหายดี
แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

จากคุณ : ยัยตัวยุ่ง - [ 17 ก.พ. 52 10:19:06 ]
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2009/02/F7534751/F7534751.html



ความคิดเห็นที่ 15

คิดแล้วเจ็บปวด คิดแล้วมันท้อ ที่รอให้เขาเอาใจใส่
เขาคงมองเรา เหมือนแค่ใบไม้ ที่ถูกทิ้งๆไว้ตามทางเดิน

* ไม่มีใครก็เดินเข้ามา ไม่มีใจก็ลาก็ไป
จนป่านนี้แล้วก็ยัง ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ เพราะอะไรต้องยอมเขา

** เขาไม่แคร์ เราต้องแคร์เขาทำไม แค่เศษความห่วงใยเขายังไม่มี
เขาไม่แคร์ เราก็แคร์เขาทุกที ทำไมต้องคนนี้ ทำไมต้องคนนี้ ทำไม

รักเขาคนดียว รักเขาเท่านั้น แต่มันยิ่งรักยิ่งเริ่มเบลอ
เขาคงมีใคร แล้วในใจเขา เลยไม่เห็นๆรักที่เรามี

(ซ้ำ * , **)

(เขาไม่แคร์ เราก็แคร์เขาทุกที ทำไมต้องคนนี้ ทำไมต้องคนนี้)

(ซ้ำ **)

จากคุณ : ยัยตัวยุ่ง - [ 17 ก.พ. 52 12:17:08 ]
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2009/02/F7534751/F7534751.html

"เธอไม่จำเป็นต้องรักฉัน แต่ฉันจำเป็นต้องรักเธอ"

"เธอไม่จำเป็นต้องรักฉัน แต่ฉันจำเป็นต้องรักเธอ"
ความรักเป็นไง...

ความรักจาเป็นไงก็เป็นงี้ไงล่ะ...

1.ไม่มีชายคนใดมีค่าพอที่เราสมควรจะเสียน้ำตาให้ เพราะคนที่มีค่าพอเขาจะไม่ทำให้เราต้องเสียน้ำตา (รู้แต่ทำไม่ได้อ่ะ แงๆๆๆ)

2.เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งรัก ..ชีวิตก็เหมือนดั่งนิยายที่คุณอ่านไม่จบ (แม้บางครั้งจาน้ำเน่าก็ตามที.....)

3.เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งความรัก รักนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลกับทุกสิ่งที่คุณทำอย่างประหลาด (แบบนี้เค้าเรียกว่าหลงแล้วย่ะ ไม่ใช่รัก)

4.เมื่อคุณรักใคร...ทุกสิ่งรอบๆ ตัวคุณดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแห่งรักนั้น (ก็แน่หล่ะ.....คนมีฟามสุขอ่ะ)

5.และเมื่อคุณมีรัก...คุณก็อยากแบ่งปันรักนั้นกับทุกสิ่งรอบๆ ตัว (จิงๆ ก็แค่อยากให้คนอื่นเค้าอิจฉาเล่น .....ก็เท่านั้น)

6.เมื่อคุณมีรักในหัวใจ...แม้เรื่องธรรมดาประจำวัน ก็ดูจะทำให้คุณมีความสุขได้ (แม้แต่เรื่องโดนเจ้านายด่า ก็ตาม เฮ้อ เป็นไปได้เนอะคนเรา)

7.เมื่อคุณถูกพันธนาการด้วยรัก...คุณก็คือนักโทษที่มีความสุขที่สุด(และบางครั้งก็ทุกข์ที่สุดเช่นกัน อย่ามาเถียงว่าไม่จริง)

8.การได้รักคือ "ไม่มีอะไรเลย" การถูกรักเริ่มเป็น "บางสิ่งบางอย่าง" แต่การได้รักและถูกรักกลับเป็น "ทุกสิ่ง ทุกอย่าง" (งง ดิ่ งง คนเขียนยัง งงเล้ย)

9.คุณอาจจะเป็นแค่ "คนๆหนึ่ง" ในโลกใบนี้ แต่คุณอาจจะเป็น "โลกทั้งใบ" ของคนคนหนึ่งก็ได้ (เอ้า ฝันต่อไปจ้า......เพราะความฝันเป็นสิ่งสวยงาม แต่มันไม่มีอยู่จิง เหอๆๆ)

10.มันใช้เวลาแค่เพียงชั่ววินาทีในการบอกว่า" ฉันรักเธอ" แต่เราต้องใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า เรารักเค้าหรือเธอมากเพียงใด (โดนกันมั่งป่าวล่ะเนี่ย....ข้อนี้ต้องยก บุรุษ ทั้งหลาย)

11.ความรักก็เหมือนน้ำ เรามักจะเห็นมันเป็นของตาย ต่อเมื่อ มันหมดไปแล้ว นั่นละ ... มันจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น
(ไม่มีน้ำ กินโค้กก็ได้ ม่ายง้อหรอก......)

12.คุณจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อคนที่คุณรัก ยกเว้น รักเขาอีกครั้ง(แปลกไหม๊ ทำได้ทุกอย่าง แต่แค่รักอีกครั้งกับทำไม่ได้ แปลกแต่จิงน๊า.....)

13.ชีวิตที่ปราศจากความรัก มันไม่ใช่ชีวิตหรอก (บางทีความรักก็ต้องการแค่ได้รักเท่านั้นนะสำหรับบางคนอ่ะ ....)

14.ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็น เหมือนกับเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร แต่มหาสมุทร คงจะมีน้ำน้อยลง ถ้าขาดหยดนั้นไป ... (โอ้วววววววว... แม่เจ้าแล้วมันเพื่ออะไรล่ะเนี่ย....)

15.จงใช้สมองดูแลหัวใจคุณเองและจงใช้หัวใจคุณดูแลใจดวงอื่นๆที่มาพบคุณ (ไม่ใจง่ายขนาดนั้น แม่สอนให้รักนวลสงวนตัวน๊า...... อย่ารักใครเร็วเกินไป เพราะมันจะเจ็บเร็วเช่นกัน)

16.ความรักมักนำมาซึ่งความเจ็บปวดแต่นั่นก็คุ้มค่าพอที่เราจะตายเพื่อมัน (แต่ถ้าต้องทำขนาดนั้น ก็อย่ามีมันเลย เจ้าความรักเนี่ย.....)

17.ความรักก็เหมือนเม็ดทราย เมื่อใดที่รีบคว้ามันไว้ เม็ดทรายนั้นจะไหลออกทางร่องนิ้ว แต่เมื่อค่อยๆ ประคองมันไว้ มันก็จะอยู่ในมือของคุณ และถ้าคุณทะนุถนอมความรัก มันก็อยู่ในทุกช่องว่างในหัวใจเช่นเดียวกับเม็ดทรายที่อยู่ในกำมือ (แต่วันนึงเม็ดทรายก็จาหมดไปนะ ไม่ว่าจะกำอย่างเบามือแค่ไหน มันก็จะล่วงไปจนหมดอยู่ดี ที่รู้ เพราะลองมาแล้ว หาดพัทยาเลยนะ)

18.ความจริงใจเป็นดาบสองคม มันช่วยคุณได้แต่ก็อาจทำให้รู้สึกเสียใจได้เหมือนกัน (อันเนี้ยเรื่องจิง....เหมือนที่เค้าว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ไอ้คนฟังเนี่ยแหล่ะ ที่มันจาตาย....
ความรักมันไม่ได้ทำร้ายอะไรเรามากมายหรอก ถ้าเราดูแลตัวเองดีพอ จำใว้อย่างเดียวว่า ....อกหักดีกว่ารักไม่เป็น เอ้ย ม่ายช่ายยยยยยยย จำใว้อย่างเดียวว่า ....ถ้ารักตัวเองไม่ดีพอ ก้จะรักคนอื่นไม่ได้เช่นกัน ......

..........




โดย Nattie
วันที่ อาทิตย์ มิถุนายน 2551
http://blog.spu.ac.th/print.php?id=5185

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

Being in Love – ตอนที่ 6 (เจ็บเพราะรัก?)

หลายคนพูดว่า "อกหักดีกว่ารักไม่เป็น" จริงๆ แล้วความรักมักจะมาพร้อมกับ "ความเจ็บปวด" กระนั้น หรือ? Osho ได้พูดไว้ในหนังสือ Being in Love ว่า . .
“. . . ความพยายามที่จะครอบครองเป็นการสนองตอบของอีโก้ คนที่ท่านพยายามจะเข้าไปครอบครองมีแนวโน้มที่จะเอาใจออกห่างจากท่าน อาจจะก่อวินาศกรรมต่อกลอุบายของท่าน ไม่มีใครจะรักอะไรไปมากกว่าอิสรภาพ แม้ความรักก็ยังเป็นรองอิสรภาพ อิสรภาพถือว่าเป็นสิ่งที่สูงสุด คนควรจะยอมสละความรักเพื่ออิสรภาพ ไม่ใช่สละอิสรภาพเพื่อความรัก แต่สิ่งที่ผู้คนทำกันมาเป็นเวลาหลายศตวรรษก็คือการยอมสละอิสรภาพให้กับความรัก ดังนั้นความเป็นปรปักษ์ ความขัดแย้ง และการทำร้ายซึ่งกันและกันจึงเกิดขึ้น
ความรักในรูปแบบอันแสนบริสุทธิ์ก็คือการแบ่งปันความสุข มันจะไม่เรียกร้องสิ่งใดเป็นการตอบแทน ไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น แล้วมันจะทำให้ท่านเจ็บปวดได้อย่างไร? เมื่อท่านไม่มีความคาดหวัง ก็ไม่มีหนทางที่ทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดได้ เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่ได้มาย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถึงจะไม่มีอะไรมาก็ถือว่าดีด้วยเช่นกัน ความสุขของท่านคือการได้ให้ ไม่ใช่การรับ ดังนั้นคนจึงสามารถรักกันได้ทั้งๆ ที่อยู่ไกลกันกันเป็นหมื่นๆ ไมล์ โดยที่ไม่ต้องมาอยู่ต่อหน้าต่อตากัน. . . ”
- OSHO


ขอบคุณข้อมูลจาก http://gotoknow.org/blog/beyondkm/295652

Being in Love – ตอนที่ 2

คำว่า “ความรัก” ตามที่เราเข้าใจ กับตามที่ Osho อธิบายไว้อาจจะเป็นคนละความหมายกันก็ได้ ลองติดตามตอนต่อไปครับ . . .
“. . . ความรักจะเปิดทางให้กับอิสรภาพ ไม่ใช่แค่เปิดทางเท่านั้น แต่มันยังทำให้อิสรภาพเข้มแข็งขึ้นด้วย สิ่งใดก็ตามที่ทำลายอิสรภาพย่อมไม่ใช่ความรัก มันต้องเป็นสิ่งอื่น ความรักและอิสรภาพจะมาพร้อมกัน มันเปรียบเสมือนปีกสองข้างของนกตัวเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่ท่านเห็นว่าความรักของท่านนั้นต่อต้านกับอิสรภาพของท่าน หากเป็นเช่นนั้นแสดงว่าท่านกำลังทำอะไรบางอย่างแล้วเรียกมันอย่างผิดๆ ว่าความรัก
จงใช้สิ่งนี้เป็นตัววัด ใช้อิสรภาพเป็นบรรทัดฐาน ความรักต้องให้อิสรภาพแก่ท่าน ต้องทำให้ท่านเป็นอิสระ ต้องปลดปล่อยท่าน เมื่อใดก็ตามที่ท่านเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ท่านจะมีความรู้สึกสำนึกคุณต่อผู้ที่ได้ช่วยเหลือท่าน ความรู้สึกสำนึกคุณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นศรัทธา มองอีกฝ่ายหนึ่งประดุจเทพยดา เพราะว่าเขาทำให้ท่านเป็นอิสระ หล่อนทำให้ท่านเป็นอิสระ เป็นความรักที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความต้องการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
ตอนที่ความรักเสื่อมทรามลง มันจะกลายไปเป็นความต้องการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ความหึงหวง การต่อสู้เพื่ออำนาจ การเมือง ความต้องการที่จะอยู่เหนือกว่า การจัดการ การบงการ ร้อยแปดพันประการ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่น่าเกลียดมาก แต่ตอนที่ความรักได้ถูกฟูมฟักจนถึงจุดสูงสุด ประดุจห้วงนภาอันบริสุทธิ์ มันจะกลายเป็นอิสรภาพ เป็นอิสรภาพอย่างแท้จริง
หากท่านกำลังมีความรัก ความรักในแบบที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ ความรักของท่านจะช่วยเชื่อมประสานสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ความรักที่แท้จริงของท่านจะเป็นแรงเชื่อมประสานให้กับทุกๆ ท่าน ความรักของท่านจะทำให้คนมีความเป็นทั้งหมด มีเอกลักษณ์ของตนเอง มีความเป็นปัจเจกชน เพราะความรักของท่านนั้นมาพร้อมกับอิสรภาพ คนทั้งหลายจะสามารถเติบโตได้ภายใต้ร่มเงาแห่งความรักของท่าน ภายใต้การป้องกันดูแลนั้น . . .”

ขอบคุณข้อความจาก http://gotoknow.org/blog/beyondkm/293534

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ฉันรักเธอ - ภาษาต่างๆทั่วโลก

-ภาษาไทย เรียกว่า ฉันรักเธอ (ก้อรู้ๆๆกันอยู่)

-ภาษาพม่า เรียกว่า จิต พา เด (chit pa de)

- เขมร เรียกว่า บอง สรัน โอน (Bon sro Iahn oon)

- เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม (Toi yue em)

- มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู (Saya cintamu)

- อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cinta padamu)

- ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)

- ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ (Kimi o ai X eru)

- เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ (No-rui sarang hae)

- เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์ (Ich Liebe Dich)

- ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม (Je taime)

- ฮอลแลนด์ (ดัชต์) เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)

- สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)

- อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)

- สเปน เรียกว่า เต เคี่ยโร่(Te quiero)

- รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)

- โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท (Amo-te)

- จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่ (Wo ai ni)

- จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี (Ngai oi ngi)

- ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว นาย ลู่ (Auo ai Lu)

- ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม (Seni Seviyorum)

- เจ๊อ แอะ นา ก็แปลว่า ฉันรักเธอ ของชาวกระเหรี่ยง

-ภาษาฮังเกเรี่ยน Szeretlek อ่านว่า แซแรทแลค แปลว่า ฉันรักเธอ

เอาชนะ (ใจ) ....*

พอดีได้มีโอกาสอ่านไดอารี่ของคุณบี แล้วก็ชอบมากเลยขอยกมาไว้ในบล็อกตัวเองสักหน่อยเผื่อคนอื่นๆจะได้อ่านบ้าง ขอขอบคุณเจ้าของบทความกันด้วยนะคะยังไงติดตามอ่านไดอารี่ของเจ้าของบทความนี้กันได้ที่ http://i-am-bee.diaryis.com/?20070306

นั่งดูละครเมื่อคืน มีคำพูดเอ่ยจากตัวละครหนึ่ง
"ฉันจะเอาชนะคุณ ด้วยความรัก"
ได้ยินแล้วนั่งมองหน้าตัวละครนั้น ใจคิดต่อไปว่า
"จะรักใครซักคน ต้องใช้คำว่า เอาชนะ กันเชียวหรือ?"
อดไม่ได้ที่จะคิดต่อไปว่า ... ที่จะเอาชนะเพราะรักอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเพราะรักตัวเอง ? ...

วันเวลาที่พาให้บีผ่านมาจนถึงวันนี้ไม่ว่าจะเหตุการณ์ของตัวเอง หรือผู้คนรอบข้างเรื่องราวของใจ .. ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้....ไม่มีเลยจริงๆ
ไม่มีใครสั่งให้ใครอีกคนรักเรา ..และไม่มีใครสั่งให้เราเลิกรักใครได้เช่นกัน..
เรื่องใจ .. บีว่า มันเกินคาดหมายเกินกว่าที่เราจะสามารถอ่านใจใครได้ด้วยซ้ำ
เรื่องเรา .. เรื่องของเขา ก็ไม่มีวันเหมือนกันเหมือนที่ใครซักคนกล่าวไว้
"รูปแบบของความรัก มีเท่ากับจำนวนผู้คนบนโลกใบนี้"

ละครเล่นไปอย่างไรบีก็ไม่รู้ตาดู แต่ใจคิดไปแบบพาเพลิน
ความรักจากคน คนหนึ่งที่เอาแต่รัก รัก รัก อีกฝ่ายหนึ่งจะเอาชนะ แล้วได้รับความรักจากอีกฝ่ายได้จริงหรือ?
บีว่า หากอีกฝ่ายไม่มีใจทำอย่างไรเสียก็ยาก ... หากจะบังคับให้เขามอบใจให้
เมื่อก่อนบีเคยคิดว่า ความดีจะชนะใจคนให้รักเราได้แต่วันนี้บีว่า มันไม่ใช่ ... ต่อให้ดีแค่ไหน หากไม่รัก ... ก็คือ ไม่รัก
ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า "เธอดีเกินไป ..... " (หรือเป็นแค่ข้ออ้าง)

เรื่องของใจ ... มันยิ่งใหญ่จริงๆ

เมื่อปีก่อน บีมีโอกาสได้สอนหนังสือน้องๆ แถวบ้านเย็นวันอาทิตย์แต่ตอนนี้บีไม่ได้สอนแล้ว ... เด็กน้อยหลายคนกระจัดกระจาย แยกย้ายไปตามพ่อแม่บ้างยังคงได้เห็น ทุกเย็นที่บีกลับบ้าน
จำได้ว่า ตอนสอนหนังสือน้อง ๆ ช่วงพัก บีจะให้พวกเค้าวิ่งแข่งกัน
แต่กติกาของบี .. ใครเข้าเส้นชัยที่ 2 ... คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
ตอนออกสตาร์ท วิ่งกันแทบตับแลบพอถึงเส้นชัย เด็กน้อยทั้งหลาย สโลว์โมชั่น กันเหลือเกิน
ไม่มีใครอยากได้ที่ 1 มีแต่คนอยากได้ที่ 2
ทุกคนสนุกสนานกับท่าสโลว์โมชั่นของอีกฝ่าย หัวเราะกันขำกลิ้ง ....
สุดท้ายไม่เคยมีใครเข้าเส้นชัยที่สองได้เพราะเอาแต่ขำ ... :)
เด็กน้อยหันมาถาม "ทำไมพี่บีถึงไม่ให้คนเข้าที่ 1 ชนะ?"
บีตอบพวกเค้าว่า ... "ที่ 1 ไม่ได้แปลว่า ต้องชนะเสมอไป" เด็กน้อยทั้งหลายทำหน้างุนงงกันเป็นแถบบีเลยเป็นคุณครูที่ไม่ดี ตอบแบบกำปั้นทุบดินไปว่า"ไว้โตขึ้นแล้วจะเข้าใจ นะเด็ก ๆ "
^-^
ทุกวันนี้ เย็นวันที่บีกลับบ้านจะผ่านกลุ่มเด็กน้อยที่หลงเหลือในหมู่บ้าน
หากจำไม่ผิดจะเหลือแค่ 2 คน พี่น้อง น้องกิ๊ฟ น้องก้อย
สองพี่น้องนี้น่ารักมาก หากพวกเธอเห็นบี ที่บางทีก็รวดเร็ว ปานรถมอเตอร์ไซด์จะเร็วได้
น้องๆ จะเรียกเสียงลั่นทุ่ง
"พี่บี ~~~~ สวัสดีค่า ~~~~~~~~ "
ไม่ใช่แค่ตะโกนว่า ... สวัสดีค่ะ ตามภาษาเด็กแต่ทั้งคู่ ยังยกมือพนม แล้ว ย่อขา แบบอย่างสวย ..
ด้วยความเร็วของมอเตอร์ไซด์ ฝืบิดเจ้าบูม
บีจึงทำได้อย่างมากแค่ตอบกลับ "สวัสดีค่า ~~~~"
แต่ที่ลากยาวไปตลอดทางคือ รอยยิ้ม ^-^
บีไม่คิดว่า แค่การได้สอนหนังสือพวกเธอไม่ถึง 10 ครั้งแต่กลับทำให้เด็กน้อยรู้จักบี และตะโกนพร้อมไหว้ "สวัสดีค่ะ...."นานนับปีกว่า ....
แม้พวกเธอจะมอมแมม แต่งตัวมอซอไม่ได้ใส่ชุดสวย ๆ ...ผมเผ้าไม่เรียบแปร้
แต่เธอน่ารัก ด้วยกริยาในแบบที่เด็กน้อยกระทำสิ่งเหล่านี้แหละที่เด็กน้อย ชนะใจบี ...
หากเราต้องฝืนใจกระทำตัวเป็นคนดี คงทำได้ไม่นานนักบางที การเป็นในแบบที่เราเป็น ก็เอาชนะใจใครได้ ... ไม่ยากเย็น

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552



อย่าไปค้นหาความรัก ...
ปล่อยให้ความรักค้นพบคุณเอง
นั่นแหละถึงจะเรียกว่าตกหลุมรัก
เพราะคุณไม่ได้บังคับตัวคุณให้เป็นไป แต่มันเป็นไปเอง

เมื่อคุณยอมรับใครบางคนในตัวตนและสิ่งที่เขาเป็น
คุณจะประหลาดใจเมื่อเขาดีกว่าที่คุณคาดหวังไว้มาก
ความรักคือการรักและยอมรับในทั้งข้อดีและข้อเสียของเขา

โชคดีคือผู้ชายได้เป็นคนรักคนแรกของผู้หญิง
ที่โชคดีกว่านั้นคือผู้หญิงได้เป็นคนรักคนสุดท้ายของผู้ชาย

คุณจะได้รับรู้ว่าคนๆ หนึ่งมีความหมายกับคุณมากเพียงไร
ก็เมื่อคุณตื่นขึ้นและพบว่าคุณได้สูญเสียใครคนนั้น
ที่คุณเคยคิดว่าไม่มีความหมายกับคุณเลยไปเสียแล้ว

รักคือการมองตัวคุณผ่านสายตาของคนอื่น
และค้นหาตัวคุณในหัวใจของคนนั้น
เมื่อคุณรักแล้ว คุณก็จะรักตลอดไป
สำหรับสิ่งที่คุณอาจจะคิดหลบหนี
แต่หัวใจคุณเก็บมันไว้ตลอดเวลา

การปล่อยมันไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะเหนี่ยวรั้งไว้ก็ยากเย็น
ความเข้มแข็งไม่ได้วัดที่ว่าสามารถเหนี่ยวรั้งมันไว้
แต่อยู่ที่สามารถปล่อยมันไปต่างหาก

ผู้ชายพร้อมที่จะเสียสละความรักเพื่อจะได้ปกครองโลก
แต่ผู้หญิงพร้อมที่จะตัดใจจากโลก
เพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่มีค่าพอให้เสียสละ

มันปวดใจเมื่อได้เห็นคนที่คุณรักมีความสุขอยู่กับคนอื่น
แต่มันจะเจ็บปวดกว่าที่ได้รู้ว่าเขาไม่มีความสุขเลยเมื่ออยู่กับคุณ


จากฟอร์เวิดเมล

คาดหวังให้น้อยลง ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างสำหรับใครได้


สิ่งที่ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่ามัน " มีตัวตน " อยู่จริงในเวลาที่เรารักใครสักคนก็คือ
" ความคาดหวัง " จะคาดหวังมากหรือน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นต้องการความรักแบบไหน
บางคนอยากได้ความรักที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ก็ตั้งความคาดหวังเอาไว้สูง และคอยแอบลุ้นไปพร้อมๆ กับการ " บงการความรัก " ให้เป็นไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ ฉันคิดว่าถ้าเปรียบคนประเภทนี้เป็นเหมือนเด็ก ก็คงจะต้องเรียกว่าเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ แต่สำหรับบางคน ก็อยากได้ความรักที่เรียบง่าย อยากอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แม้ไม่ต้องคาดหวังในตัวคนรักสูง เท่ากับเด็กเอาแต่ใจในประเภทแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากได้อะไรจากความรักเลย คนประเภทนี้ก็เหมือนเด็กดื้อเงียบ
ดูเหมือนจะพอใจของเล่นที่อยู่ในมือ สิ่งที่เ็ดกประเภทนี้ต้องการก็คือการมีของเล่นอยู่ในมือตลอดเวลา ลองถ้าวันไหนมีคนอื่นมาแย่งไปสิ เป็นต้องได้เห็นดีกันแน่ ไม่ว่าใครจะต้องการให้ความรักของตัวเองเป็นแบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะหมายถึงการควบคุมตัวเองให้ได้เสียก่อน ไม่ใช่การควบคุมคนอื่นให้เดินตามเส้นทางที่เราเลือกไว้ เพราะจะต้องไม่ลืมว่า
" ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างให้กับใครได้ " การมีคนรักอยู่ข้างๆ กัน เป็นการ " มี " ที่ใคร ๆ
ก็ย่อมรู้สึกว่ามันพิเศษและควรหวงแหน กว่าที่คนสองคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบใหญ่ จะเดินทางมาพบกัน และคิดฝันตรงกัน มันไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ย่อมมีที่มาที่ไปด้วยกันทั้งนั้นคนรักก็เช่นกัน
ก่อนที่เขาจะมาเจอกับเรา เขาอาจใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่เราไม่คุ้นเคย เขาอาจชอบกินผัก ในขณะที่เราเกลียดผักเข้าไส้ เขาอาจจะชอบดูหนังผี ในขณะที่เราชอบดูหนังรักโรแมนติก วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาอาจจะเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่รักการอยู่บ้าน นอนอ่านหนังสือ หรือชอบรดน้ำต้นไม้ แต่พอมาเจอเรา เขาเลือกที่จะคบเรา ก็เป็นอันว่าสิ่งที่ต้องตามมาก็คือการปรับตัว มันเป็นธรรชาติของคนที่เพิ่งเจอกันอยู่แล้วว่า ต้องอาศัยเวลาในการศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และอันเนื่องมาจากการเรียนรู้นนี่แหละ ที่ทำให้ช่วงเวลาแรกที่คบกันมันเต็มไปด้วยความสุข จากที่ไม่เคยทานผัก พอเขาฝึกให้เราหัดทานผักซะบ้าง ก็ไม่รู้ว่าความสุข ณ เวลานั้น มันมาจากไหน ? จากที่ไม่เคยดูหนังโรแมนติก เขาก็ยอมพาเราไปดู...ความสุขก็โผล่มาอีกแล้ว ดูเหมือนจะง่ายนะ
แต่มันยากตรงที่ทำยังไงจะรักษาความสุขนี้ให้อยู่กับเราได้นานๆ พอๆ กับที่เราก็อยากให้คววามรักของเราเดินไปให้ไกล เท่าที่มันจะเป็นไปได้ เพราะกับบางคนก็ไม่ทันได้เตรียมรับมือกับ " ความเปลี่ยนแปลง " ที่จะเกิดขึ้น เมื่อผ่านช่วงเวลาของการปรับตัวเข้าหากัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกติดอยู่กับอีกฝ่าย จนไม่เป็นอันทำอะไร กลายเป็นว่าโลกทั้งใบของฉันมีแต่เขาเท่านั้น เวลาแบบนี้แหละที่ " ความคาดหวัง " จะเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลัง

คนที่ " รั ก เ ป็ น "
เขาจะไม่ ก ร ะ ว น ก ร ะ ว า ย
กับ ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง

แต่คนที่ " รักไม่เป็น " นอกจากจะกระวนกระวายใจแล้ว ยังเป็นทุกหนักขึ้น เมื่อไปคาดหวังให้อีกคน " เป็น " อย่างที่เราอยากให้เขาเป็น โดยไม่สนใจว่าก่อนที่จะมาพบเรา เขามีที่มาอย่างไร ใช้ชีวิตแบบไหน โลกส่วนตัวของเขามีขนาดเท่าไหร่ วันนี้เราเบียดเอาพื้นที่ของโลกใบนั้นมาไว้กับตัวเองมากแค่ไหนแล้ว เคยถามกันบ้างไหมว่าควร " เพิ่ม " อะไร หรือ " ลด " อะไรบ้างเพื่อที่จะรักษาความสมดุลให้คงอยู่ และต่างฝ่ายต่างก็มีความสุขอย่างแท้จริงโดยไม่เบียดเบียนกัน แต่การรักใครสักคนแบบเด็กเอาแต่ใจ เป็นความรักที่ฉันคิดว่าน่ากลัว...เพราะนอกจากจะเป็นความรักที่สูญเสียความเป็นตัวเองแล้ว ยัง " เสี่ยง " ต่อการสูญเสีย ค น ที่ รั ก ไปอีกด้วย
ฉันเคยถามคนคนหนึ่งว่า " ถ้าพี่รักผู้หญิงสักคน พี่จะยอมเป็นทุกอย่าง และยอมทำทุกอย่างได้เพื่อคนคนนั้นไหม ? "
เขาตอบว่า
" ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างสำหรับใครได้หรอก ช่วงเวลาหนึ่งอาจยอมได้ แต่พอถึงวันหนึ่งก็กลับไปเป็นตัวเองอยู่ดี "
ฉันไม่รู้หรอกว่าคำตอบของพี่ชายคนนี้ถูกหรือผิด เพราะเรื่องความรักของแต่ละคนมันพูดยาก บางคนยอมได้ บางคนยอมไม่ได้ ก็เหมือนที่โลกนี้มีทั้งเด็กดีและเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่ารูปแบบความรักของใครจะเป็นยังไง แต่ฉันก็ขอให้ทุกคนโชคดี แต่เขาว่ากันว่า ถ้าเราคาดหวังให้น้อยลง ความสุขมันจะเพิ่มขึ้นจริงๆ นะ

http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=84141&eid=8

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รัก....แบบไหน ที่ใจต้องการ


"เพราะรักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว"
- อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่
- ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะคบใครสักคน เพียงเพราะอยากจะมีใครสักคน
- อย่าเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขามารัก เพราะจะทำได้ไม่นาน วันหนึ่งคุณจะรู้สึกเหนื่อยเพราะความรัก ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
- อย่าหลงในรสชาติของความรักเสียจนลืมชีวิตประจำวันของตัวเอง
หรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว

คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณ โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
- คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
- คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง ขอเพียงเดินเคียงข้างกัน
- คนที่ไม่บังคับให้คุณทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
- คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์และให้เกียรติคุณ
...นั่นแหล่ะ คือคนที่รักคุณจริง.....
จงถนอมคนเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ..
เพราะคุณจะเสียใจ หากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดีที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น

คนที่รักคนที่เปลือกนอกมีอยู่เยอะเหลือเกิน
ชีวิตคนคนหนึ่งจะมีคนที่รักคุณจริงผ่านมาสักกี่คน
ใครที่บอกว่ารักคุณแล้วพยายามจะเปลี่ยนคุณ ดึงคุณให้เดินตามทางของเขา
เขาไม่ได้รักคุณจริงหรอก...เขารักตัวเอง

จงเชื่อในพรหมลิขิต จงเชื่อในเหตุการณ์ที่นำพาความรักมาให้
อย่าบอกว่าไม่รัก ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
อย่าบอกว่ารัก..ถ้าคุณไม่รู้สึกวูบวาบเวลาอยู่ใกล ๆ
อย่าบอกว่าไม่คิดถึง..ถ้าหัวใจไม่อาจลืม
อย่าบอกว่าคิดถึง ถ้าเพิ่งจากกันไม่ถึง 1 นาที
อย่าปล่อยให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราหลุดลอยไป
ลองคุยกันมากขึ้น รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยใจ
จะทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้จักความรัก
อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งมีน้ำตา ทั้ง ๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังดีใจ
อย่าปล่อยให้ใครอีกคนหนึ่งยิ้ม ทั้ง ๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังร้องไห้
อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งพูด ทั้ง ๆ ที่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการฟัง

ความรักต้องมาจากความรู้สึกของคนสองคน..
อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งหยิบยื่น แต่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการ
ความรักเป็นเพียงสายใยบาง ๆ ที่มันถูกหล่อหลอมขึ้นจากความรู้สึกต่าง ๆ
ทั้งความอาทร ห่วงใย ห่วงหา คิดถึง
ความอดทนจะทำให้อุปสรรคต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ความพยายามจะทำให้เราสองคนยังคงอยู่
ความไว้ใจจะทำให้ความรักของเราแข็งแกร่ง
ความซื่อสัตย์จะทำให้ความรักของเรามั่นคง
ความเสมอต้นเสมอปลายจะทำให้ความรักของเราสวยงาม
และสุดท้ายความรักก็จะก่อตัวขึ้นเป็นความผูกพัน
สิ่งเหล่านี้จะทำให้สายใยบาง ๆ ของความรัก
กลายเป็นเชือกเส้นหนาที่ผูกคนสองคนไว้ด้วยกัน
มันจะเป็นเชือกที่มัดเราไว้ด้วยกัน เป็นเชือกที่ทำให้เราไม่อึดอัด
เราจะไม่ดิ้นรนที่จะพยายามหลุดออกจากเชือกเส้นนี้

เมื่อได้เจอความรักที่ดีแล้ว จงทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว อย่าปล่อยให้เขาเดียวดาย
คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เราเคยมีกัน อย่าลืมวันแรก ๆ ที่เรารู้สึกกับคน ๆ นี้
เขาเป็นคนดีที่สุดแล้วสำหรับเรา พยายามรักษาเขาไว้
เพราะเมื่อเขาหลุดลอยไปแล้ว เราจะไม่สามารถเรียกความรู้สึกต่าง ๆ กลับมาได้อีก
เหมือนเวลาที่ไม่สามารถย้อนเดินกลับ
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้ อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป.
.

วันหนึ่งถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่า..
ที่เคยทำให้คุณมีความสุขระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว..จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก
เพราะน้อยนักที่ถนนสายเดิมยังคงสภาพเดิมเพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา..
ลองเดินต่อไปสิ..บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิต
ในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...


คุณว่าจริงไหม?





40 เรื่องรักที่ไม่รู้ไม่ได้


1.อารมณ์หึงเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง แต่อารมณ์หึงของผู้หญิงจะซับซ้อนกว่าผู้ชาย

2.ผู้ชายร้อยละ 90 ชอบผู้หญิงสวย น่ารัก แต่ผู้ชายร้อยละ 10 อยากอยู่กับผู้หญิงฉลาดและเฉลียว

3.คนที่มีแฟนขี้หึงขั้นรุนแรงมีเพียง0.000001เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ชอบ นอกนั้นรู้สึกว่าอึดอัด ผู้ชายทั้งหลายควรจะดีใจที่มีแฟนขี้หึงซะ

4.ไม่เคยมีคู่ไหนไม่ต้องใช้ความอดทนในการรัก เพียงแต่จะเป็นการอดทนในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง

5.คนที่มีกิ๊กนอกเหนือจากแฟนตัวจริง คือคนที่ไม่ศรัทธาในความรัก

6.อย่ากลัวการอกหัก เพราะไม่เคยมีใครตายจากโรคอกหัก มีแต่ความอ่อนแอเท่านั้นที่ทำให้ฆ่าตัว ตาย

7.ความรักมักไม่เกิดตอนที่เฝ้ารอ แต่เมื่อปล่อยตัวตามสบาย ความรักมักจะมาทำเซอร์ไพรส์ให้หัวใจ

8. ถึงจะไว้ใจเพื่อนแค่ไหน ก็อย่าให้เพื่อนกับแฟนของเราสนิทกันเกินไปเพราะหายนะอาจตามมา

9.ถ้าเรารู้สึกอายเวลาเดินเคียงข้างแฟนที่ขี้เหร่ นั่นหมายความว่าเราไม่ได้รักเค้าจริง

10.อย่าบ่นให้ใครฟังว่าแฟนไม่เคยทำตัวดีขึ้นเลย เพราะจะโดนย้อนว่า " แล้วจะโง่ทนคบอยู่ทำไม"



11.ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนที่ขี้หึงขั้นรุนแรง อย่าได้เลือกคบผู้ชายที่หน้าตาและมนุษยสัมพันธ์ดีเด็ดขาด

12.การที่ผู้ชายมองผู้หญิงสวย เซ็กซี่ จนเหลียวหลัง ไม่ได้หมายความว่าเข้าต้องการแฟนที่เป็นแบบ นั้น

13.ผู้ชายที่ไว้ใจได้ว่าไม่นอกใจแฟนหรือภรรยา มีเพียงแต่ผู้ชายที่อยู่ในโลงเท่านั้น ควรจำให้ขึ้นใจ

14.พยายามทำตัวให้ดีและมีคุณค่ามากกว่าผู้หญิงที่แย่งแฟนเราไป แล้วซักวันแฟนเราจะกลับมาเอง

15.อย่าคบกับผู้ชายที่เอาเรื่องแฟนเก่ามาพูดเสียๆหายๆ เพราะเราอาจจะเป็นรายต่อไป

16.ผู้ชายที่รักสัตว์ รักเสียงเพลง รักครอบครัว น่าคบมากกว่าผู้ชายที่รักตัวเองซะอีก

17.อายุที่มากขึ้นอาจทำให้ต้องลดเสปกชายในฝันลง แต่ข้อที่ไม่ควรลดเด็ดขาดคือความดีและความจริงใจ

18.ผู้ชายที่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน ดูน่ารังเกียจกว่าผู้หญิงที่ชอบปอกลอกผู้ชายหลายเท่า

19.มนุษย์ผู้ชายมีน้อยกว่ามนุษย์ผู้หญิง ผู้ชายที่ดีและเป็นโสดก็มีน้อยกว่าผู้ชายที่เลวและมีเจ้าของด้วย

20.อย่ารักผู้ชายที่ทั้งขี้เหร่ ขี้เกียจ และขี้เมา เพราะเราจะต้องรู้สึกตกนรกไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน



21.คู่รักที่เดินกอดจูบกันต่อหน้าชุมชน มีแต่ฝ่ายหญิงเท่านั้นที่จะถูกประณามและดูถูกอย่างรุนแรง

22.เซ็กส์ไม่สามารถผูกมัดให้คู่รักอยู่ด้วยกันไปตลอด ความผูกพันต่างหากที่จะดึงรั้งกันไว้ได้

23.อายุไม่ใช่อุปสรรคของความรัก ถ้าความคิดหัวใจตรงกัน ความมั่นคงก็เกิดขึ้นได้

24.ในชีวิตจริงของความรัก เราอาจไม่ใช่นางเอกที่แสนดี บางทีต้องมีการใช้ไหวพริบในการแย่งชิงบ้าง

25.คนสวยหรือคนหล่อสามรถอกหักได้เหมือนกัน ถ้าทำตัวไม่ดีหรือมีเวลาให้กับความรักไม่พอ

26.ถึงจะได้ยินว่ามีรักที่ไหนมีทุกที่นั่น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะมีความรักมากกว่าจะอยู่เป็นโสด

27.เรื่องที่แฟนไม่ยอมเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกมักเป็นเรื่องที่เรารู้เมื่อไหร่ก็ต้องควันออกหูอยู่ดี

28.ถ้าชื่นชมในตัวแฟน100เปอร์เซ็นต์ ควรบอกเค้าแค่70เปอร์เซ็นต์

29.ถึงผู้ชายจะบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงแต่งหน้า แต่ผู้ชายก็ไม่ชอบคนที่หน้ามันหรือซีดตลอด

30.ผู้ชายชอบติรูปร่างของแฟนหรือคนโน้นคนนี้ โดยลืมดูรูปร่างตัวเองว่าแย่ขนาดไหน



31.คนต่างชาติต่างภาษาสามารถรักกันได้ เพราะภาษาหัวใจเป็นภาษาสากลที่ไม่ต้องการคำแปล

32.ผู้ชายต้องใช้สมองและทักษะมากขึ้นในช่วงที่มีความรัก เพราะผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ

33.ผู้ชายชอบเป็นฝ่ายไล่ล่า มากกว่าจะเป็นฝ่ายถูกล่า ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะพยายามหนีเมื่อถูกตามตื้อ

34.ผู้หญิงอาจไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขึ้น แต่เป็นเพราะผู้ชายไม่สามารถทำดีได้เสมอต้นเสมอปลาย

35.รักแรกพบสามารถเกิดได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเกิดจากการใกล้ชิด และการเรียนรู้กันอย่างลึกซึ้ง

36.คนที่เรารักกับคนที่รักเราอาจไม่ใช่คนเดียวกันเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนเราบังคับหัวใจกันไม่ได้จริงๆ

37.ทุกคนจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อได้มีความรักและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกหลังจากอกหัก

38.มือที่สามสามารถเดินเข้ามาในชีวิตเราได้ตลอดเวลา ในความไว้ใจจึงควรมีความระวังอยู่ด้วย

39.อย่ารีบมีแฟนหลังจากอกหัก เพราะเราจะแยกแยะไม่ออกว่านั่นเป็นรักหรือการฆ่าเวลา

40.คนที่รักกันไม่จำเป็นต้องเดินจับมือหรือคุยกันตลอดทางแค่รู้สึกว่ามีกันและกันก็เพียงพอ


http://webboard.yenta4.com/topic/333871