วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความงามในความไม่สมบูรณ์

ความงามในความไม่สมบูรณ์




ผมอ่านบทความชิ้นนึงจาก FWD mail เมื่อตอนบ่าย
เจ้าของบทความคือพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันทร์แห่งมติชน

เป็นเรื่องของพระรูปนึง ที่ท่านก่อกำแพงอิฐขึ้นจนแล้วเสร็จ แล้วค่อยเห็นว่า ท่านวางอิฐพลาดไปสองก้อน เป็นความไม่สมบูรณ์บนกำแพงที่สวยงาม

จะรื้อกำแพงทิ้ง แล้วก่อใหม่ ก็ไม่มีเงินมากพอ ท่านจึงต้องทนเก็บความรู้สึกผิด และอับอายไว้ทุกครั้งที่มองกำแพงนั้น

วันหนึ่ง มีคนมาเที่ยวชมวัด แล้วหยุดยืนมองกำแพงนั้นอยู่นาน ท่านก็อุตส่าห์ไปยอมรับว่า กำแพงนี้ไม่สมบูรณ์เพราะอิฐสองก้อนที่วางพลาดไปจากฝีมือท่านเอง

แต่คนๆนั้น กลับบอกท่านว่า .. มันไม่สมบูรณ์ก็จริงอยู่ แต่เพราะอิฐสองก้อนนั้นเอง ทำให้กำแพงเรียบๆที่น่าจะธรรมดาเหมือนกำแพงทั่วๆไป ดูไม่ธรรมดา เพราะมันแตกต่างนั่นเอง

พระรูปนั้น ถึงกับจิตสว่างขึ้นมา และมองเห็นว่าตัวเองพลาดมานาน ที่มัวแต่ไปจดจ่อกับอิฐสองก้อนที่ไม่สมบูรณ์ แต่ลืมสนใจอิฐอีกนับร้อยๆก้อนบนกำแพงที่สมบูรณ์

ผมเองก็มีอิฐสองก้อนที่ว่าในกำแพงชีวิตของผมเหมือนกัน
แล้วก็เห็นด้วยว่า ผมนั่งเพ่งโทษตัวเองเรื่องอิฐสองก้อนนั้นอยู่นานนับปีๆ เหมือนพระรูปนั้น

ถามว่าทุกวันนี้ เลิกหรือยัง .. ตอบว่า ใกล้แล้วครับ
เพราะผลจากวิปัสสนานี่แหละ

ทุกวันนี้ผมเห็นว่า ไม่ว่าจะอิฐทุกก้อนบนกำแพงจะสมบูรณ์ หรือไม่สมบูรณ์ ขอให้ประกอบขึ้นเป็นกำแพงที่แข็งแรงได้ตามเป้าหมาย ก็พอแล้ว

ผมนึกเลยไปถึงเรื่องที่มักจะได้ยินคุณผู้หญิงพูดประโยคนึงคล้ายๆกันว่า..

ฉันไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบหรอก ฉันมีข้อเสียหลายอย่าง ฉันไม่ใช่คนสวย ฯลฯ

ผมอยากบอกว่า.. โลกนี้มีหลายอย่างที่สมบูรณ์แบบ แต่ไม่น่าสนใจ เพราะมันสมบูรณ์เกินไปจนมันไม่งาม

ผู้หญิงสวย อาจจะไม่ใช่คนดูดีหรือน่ารัก และคนที่น่ารักดูดี อาจจะไม่ใช่คนสวย

บทความนั้นเขาทิ้งท้าย ด้วยการยกตัวอย่างหอเอนปิซ่า .. ถ้ามันสมบูรณ์ตั้งตรง 90 องศา มันก็คงไม่มีเสน่ห์ที่ทำให้ดังมากมายไปทั่วโลก อย่างทุกวันนี้เป็นแน่

ฉะนั้น... จงยินดีกับความไม่สมบูรณ์ของเรากันเถอะครับ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=30-04-2007&group=2&gblog=187

รักเป็นดั่งต้นไม้

รักเป็นดั่งต้นไม้



ถ้าจะให้เปรียบความรัก กับอะไรในโลกนี้สักอย่าง
คุณว่าความรักเป็นเหมือนอะไรดีครับ

น้องคนนึงเคยเล่าว่า แฟนเก่าของเธอที่อุตส่าห์ดูใจมาห้าปี ตั้งแต่สมัยเรียนกว่าจะตกลงเป็นแฟน คบกันสองปี ผู้ชายก็ดันไปมีคนอื่น

อีกกรณีนึง ผมเคยได้ยินคนบ่นว่า ทำไมผู้หญิงชอบแต่คนไม่ดี คนดีๆอย่างเขากลับไม่มีใครเหลียวแล

สำหรับผม ผมว่า... รักเป็นเหมือนต้นไม้

แต่ละต้น แต่ละพันธุ์ ก็มีคุณลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับดินฟ้าอากาศไม่เหมือนกัน ชอบน้ำมากน้ำน้อยต่างกัน

ต้นไม้บางสายพันธุ์ เป็นต้นไม้ที่ดี มีคุณค่า กิ่งใบดอกผลสวยงาม แต่ไม่ได้แปลว่า จะเหมาะกับทุกดินฟ้าอากาศ

เมล็ดพันธุ์ ก็เหมือนจุดเริ่มของความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่ง
มันอาจจะงอกเงย งอกงาม ก็ต่อเมื่ออยู่ในดินที่เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่พอเหมาะ แสงแดด อุณหภูมิ ความชื้น ที่เหมาะแก่การงอกเงยของเมล็ดพันธุ์นั้น

แต่ถ้าดินก็ไม่ใช่ น้ำก็มากหรือน้อยเกินไป อุณหภูมิ ก็เย็น หรือร้อนเกินไป เมล็ดพันธุ์นั้น ก็อาจจะไม่มีโอกาสงอกเงย

ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดี ไม่สมบูรณ์ หรือดินละเลยมันไป

จากความสัมพันธ์ในช่วงแรก ก็จะเริ่มพัฒนาไปเป็นความสัมพันธ์ที่หยั่งรากลึกลงเรื่อยๆ ลำต้นขยายใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น กิ่งก้านสาขา แตกออกไปเรื่อยๆ

เหมือนคนที่คบหากันมานานวัน ขึ้น ก็ย่อมผูกพันและหยั่งรากลึกลงเรื่อยๆ

ฟังดูไม่น่าจะอธิบายได้ว่า ยิ่งคบกันนานมันจะหักโค่นลงได้ยังไง ถูกไหมครับ

ต้นไม้มันจะตายด้วยเหตุอะไรบ้างล่ะครับ

ฟ้าผ่า..
โดนปลวกแมลงเพลี้ยกัดดูดน้ำเลี้ยง
น้ำท่วม รากเน่า
ขาดน้ำ น้ำแล้ง แห้งตาย

สุดท้าย มีคนมาตัดฟันโค่นมันลง อาจจะเป็นคนอื่น หรือสองคนที่ช่วยกันปลูก หรือแค่ใครคนใดคนหนึ่ง

ผมไม่แจกแจงนะครับ ว่ามันเหมือนปรากฏการณ์อะไรในชีวิตจริงบ้าง

เอาเป็นว่า ไม่พึงมองว่า ต้นไม้โตแล้วโตเลย ไม่ต้องดูแล ไม่ต้องใส่ใจ
เราอาจจะเอาชิงช้าไปผูกนั่งเล่นได้ ปีนเล่นได้ แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะยืนยงคงกระพัน

มันอาจจะมีอายุ ห้าปี สิบปี สามสิบปี สี่สิบปี แต่ถ้ามีใครเอาเลื่อยไฟฟ้ามาตัด ไม่กี่นาทีมันก็เป็นอดีตแล้ว

ถ้าคิดจะปลูก ขอให้ปลูกเพราะคนสองคนอยากช่วยกันปลูก ช่วยกันเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี เลือกทำเลที่ดี ดินที่ดี

อย่าปลูกเพราะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากปลูกเองข้างเดียวเลยนะครับ ผมเอาใจช่วยนะ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=16-05-2007&group=2&gblog=193

Love Probation ระยะทดลองรัก

Love Probation ระยะทดลองรัก

พูดถึงคำว่า Probation โพรเบชั่น ใครที่เป็นลูกจ้าง นายจ้าง ฝ่ายบุคคล ต้องคุ้นเคยและเกี่ยวข้องกับคำนี้มาบ้าง ไม่มากก็น้อยละ

แปลง่าย.. เขาหมายถึงระยะทดลองงาน เพื่อจะดูว่า คุณสมบัติ ความถนัด ทักษะของพนักงานคนนั้นๆ ซึ่งเพิ่งจะเริ่มงานใหม่ เหมาะกับงานไหม ประสิทธิภาพการทำงานเป็นที่น่าพอใจหรือไม่

บางที่สามเดือน สี่เดือน บางที่หกเดือน เกินกว่ากฏหมายแรงงานกำหนด ก็มี

ในระยะทดลองงาน กติกามีอยู่ว่า.. ถ้าก่อนพ้นระยะนี้ไป
หากนายจ้างเห็นว่า ลูกจ้างทำงานไม่เป็นที่พอใจ หรืออะไรก็ตามแต่
สามารถบอกเลิกจ้างได้ทันที โดยไม่ต้องมีค่าชดเชยใดๆ

สักอาทิตย์นึงที่ผ่านมา .. ผมเกิดทะลึ่งคิดขึ้นมาว่า
ไอ้แนวคิดเรื่องโพรเบชั่น มันเอามาใช้กับความรักบ้างได้ไหม
แต่แทนที่จะเป็นระยะทดลองงาน ก็เป็นระยะทดลองรัก

พูดแบบนี้ สาวๆที่เทิดทูน บูชารัก เป็นของศักดิ์สิทธิ คงออกเสียงคัดค้านเป็นแถบ

งั้นเรียกใหม่.. ระยะทดลองคบ.. ฟังดูดีขึ้นเยอะเลยใช่ไหมครับ

ที่มาของแนวคิดนี้คือ.. ผมเห็นคนหลายคนที่จับพลัดจับผลูไปมีแฟน
แล้วก็มาค้นพบหลังจากคบไปสักระยะ .. ว่าแฟนไม่ได้เป็นมนุษย์เผ่าที่ตัวเองนึกไว้

หรือความรู้สึกที่เคยนึกไว้ก่อนคบ กับหลังคบแล้ว มันช่างต่างกันเหมือนดำจังแก กับ แดจังกึม

ครั้นจะลุกขึ้นมาบอกเลิกศาลาเฉลิมไทย ก็จะกลายเป็นคนใจโลเล ไม่รักษาสัจจะ ไม่หนักแน่น
และอีกร้อยเรื่องเลว ที่จะขุดมาประกอบได้ ทำให้ resume of love ด่างพร้อยไปเสียอีก

บางคนใจกล้าหน่อย ก็เอาวะ.. พูดก็พูด
แต่ถ้าหน้าบางเพราะไม่ใช่ยางเรเดียล ก็อมพะนำกล้ำกลืนกันไป

ไม่รู้จะทำยังไงดีไปกว่าทน เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นคนรักที่ดีต่อไป
เหมือนที่ผมเคยเป็นมาก่อน และพังมาก่อน

เลยคิดว่า.. ถ้าใครจะลองคบกันแบบมีระยะทดลองคบ ก็ท่าทางจะไม่เลว
เพราะจะได้มีการประเมินผล ได้มานั่งคุยกัน ว่าเรารู้สึกอะไรกับเขา ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

ถ้ามัน ไม่ไหว ไม่ใช่ ไม่ชอบ ก็จะได้จากกันอย่างสันติ
แต่วิธีนี้ เห็นจะได้ผลกับอารยชน ที่มีวุฒิภาวะอยู่พอควร เท่านั้น
ใช้กับ ทุกคู่ ทุกคนไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่อัตตาสูงๆ คิดว่าฉันดี ฉันสมบูรณ์แบบ

เคยได้ยินนิทานเรื่อง สามีที่ฉีกขอบขนมปัง ให้ภรรยาทานทุกเช้ากับกาแฟไหมครับ

คือภรรยา ก็อึดอัด เพราะรู้สึกว่าสามีเอาเปรียบมานาน
ทนจากอาทิตย์เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆปี จนสิบกว่าปี
วันนึงภรรยาถึงน๊อตหลุด ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าสามีในวันหนึ่ง ที่กินแต่ขนมปังขาวอยู่คนเดียว แล้วให้เธอกินขอบขนมปังสีน้ำตาลมาตลอดสิบกว่าปี

หลังจากพูดจบ..เธอขอหย่าในวันนั้น..

สามีนั่งฟังเธอพูดจนจบ น้ำตาซึม .. แล้วบอกว่า..
"ทำไมเธอไม่เคยพูดล่ะ ว่าเธอไม่ชอบ ..

เธอรู้มั้ย.. ไอ้ขอบขนมปังสีน้ำตาลนั่นน่ะ.. ของโปรดตั้งแต่เรายังเด็กเลยนะ เราอุตส่าห์เอาของโปรดของเราให้เธอกินทุกวัน ตั้งแต่แต่งงาน เพราะเรารักเธอ.."

สรุปว่า ภรรยา โกรธฟรีมาสิบกว่าปีครับ

**********************

วันนี้.. ผมว่างตอนเย็นๆ เลยขุดหนัง DVD ที่ซื้อเก็บไว้ มาฉายดูเล่น

วันนี้หวยออกที่เรื่อง The Bridges Of Madison County ครับ

เป็นเรื่องของสองพี่น้อง ที่กลับมางานศพแม่ และพบบันทึกของแม่ที่แสนจะสะเทือนใจ

ใครที่ไม่รังเกียจหนังที่ดาราอายุอยู่แถวๆดอนเมือง (เลยหลักสี่ไปแล้วน่ะ) เล่นเป็นตัวเอก
ไม่รังเกียจหนังที่เดินเรื่องด้วยภาพและบทสนทนาลึกๆ
ไม่ติดว่าต้องมีระเบิดภูเขา เผากระท่อม

ชอบหนังที่พล็อตเรื่องดี ดูแล้วน้ำตาซึม ขี้มูกย้อยได้
ชอบหนังดราม่า ซึ้งๆ แบบโรแมนติค

ไปหาเรื่องนี้มาดูเสียนะครับ หนังกำกับโดย คลินท์ อีสต์วู้ด
แสดงโดย ลุงคลินท์ เอง กับ เมอริล สตรีพ นางเอกจากเรื่อง Out Of Africa และล่าสุด ผมเห็นเธอเล่นบทคุณแม่นักจิตวิทยาในหนังเรื่อง Prime

ถ้าคุณชอบอ่านนิยายของ ว.วินิจฉัยกุล ทมยันตี อะไรแถวนั้น
คุณจะชอบหนังเรื่องนี้ครับ รับประกันซ่อมฟรีเลย

เริ่มต้นวันใหม่ให้สดใส ขอให้มีกำลังใจที่ดี
อาทิตย์นี้ทำงานแค่สามวัน ก็หยุดอีกแล้ว .. เย้!!!

สุขสันต์วันอังคารครับ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=02-05-2006&group=2&gblog=49

ใครทิ้งเรา ไม่เศร้าเท่าเราทิ้งตัวเราเอง

ใครทิ้งเรา ไม่เศร้าเท่าเราทิ้งตัวเราเอง

เอากระทู้ที่ผมตอบไว้และเห็นว่าน่าสนใจ มาฝากอีกแล้วครับ

เที่ยวนี้เป็นคุณผู้หญิงท่านนึง ที่อยากรู้ว่า ถ้าเธอเปลี่ยนตัวเองได้มากพอ
เธอจะสมหวังในความรักที่เธอหวังจะได้จากคนๆนั้นหรือไม่

เธอถามไว้อย่างนี้ครับ

ทำไมนะ ตัดใจไม่ได้สักที
แฟนเก่าเรา บอกว่า "เป็นแฟนกัน เพื่อศึกษานิสัยกัน" และเราก็เลิกกัน เพราะเค้าบอก่วาเรา "ไม่ใช่"

spec เค้าสูงมาก ไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่ประมาณว่า กุลสตรีไทย มารยาทงาม ทันคน มีไหวพริบ

เราก็พยายามปรับปรุงตัวแล้ว แต่เค้าก็พิจารณาแล้ว เค้าบอกว่าดูยังไงๆ เราก็เปลี่ยนไม่ได้ เป็นไปไมได้

เค้าไม่หล่อ(ถ้าเราไม่รู้จักเค้า เราอาจจะกลัวเค้าก็ได้) แต่เป็นคนดี (เสียที่ขี้ระแวง) เราชอบเค้ามาก เค้าเป็นคนที่

ไม่เอาเปรียบคนอื่น และรักพวกพ้อง ระวังเรื่องการวางตัวในสังคม คิดก่อนพูด รักษาน้ำใจทุกคน ที่ดีที่สุด

ของเค้าคือ "ไม่โกหก" (จริงๆ) ถ้าเรารักเค้าต่อไป โดยเราพยายามปรับปรุงตัว และพัฒนาตัวเองให้เป็น

ได้อย่างที่เค้าชอบ(เป็นหญิงที่ดี) สักวันถ้าเค้าไม่มีใคร เค้าจะหันมามองเรามั้ย? ถ้าเค้ามีรักใหม่ แล้วรักเค้า

ไม่สมหวัง เค้าจะคิดถึงเรามั้ย?

หรือยังไงก็จะเข้าทำนองว่า "ถึงสุดท้ายฉันไม่เจอคนที่ใช่ ยังไงฉันก็ไม่เอาเธอ ยอมอยู่คนเดียวดีกว่าอยู่กับเธอ"

เราควรจะทำแบบที่ว่า "รักใครก็รักเขาให้มากๆ ถึงเขาจะไม่รักเรา" หรือว่าเราควรจะตัดใจดี

คุณผู้ชายคะ...ถ้าคุณพบกับคนที่รักคุณมากๆ และผูกพันกันมานาน คุณจะหวั่นไหวบ้างมั้ยคะ?

จากคุณ : อยากเป็นคนที่เธอฝัน - [ 24 มี.ค. 49


ผมเขียนความเห็นไว้ให้กระทู้ของเธอว่าอย่างนี้ครับ

ผมอยากให้จขกท. ลองย้อนกลับไปถามตัวเองหนึ่งคำถาม
ว่าคุณอยากให้เขารักคุณ อยากเป็นคนที่เขาฝัน เพราะอะไร

ถ้าคำตอบเราตรงกัน.. คงจะออกมาประมาณว่า..
เพราะถ้าเขารักคุณ คุณได้เป็นคนที่เขาฝันถึง .. คุณจะมีความสุข
..ใช่ไหมครับ ?

มนุษย์เรามีธรรมชาติในการวิ่งหนีความทุกข์ และวิ่งหาึความสุข

โดยไม่ค่อยรู้ตัวว่า.. การทำทั้งสองอย่างนั้น คือต้นเหตุของทุกข์อันใหญ่กว่า

เห็นคุณทุกข์แบบนี้แล้วก็สงสารนะครับ
ไม่ได้สงสารที่เขาไม่รักคุณหรอก

สงสารที่คุณไม่รักตัวเองต่างหาก
ตัวคุณเอง ยังไม่รักตัวเอง ไม่เห็นค่าของตัวเองเลย
คิดแต่ว่า.. จะทำอะไร จะเปลี่ยนอะไรเพื่อให้เขารัก เขาสนใจ

คนเราไม่ควรเปลี่ยนตัวเอง เพราะเหตุว่าอยากให้ใครรักนะครับ

แต่ควรเปลี่ยนตัวเอง ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เพราะรักตัวเอง
เพราะเห็นว่า เปลี่ยนแล้ว ชีวิตจะดีงาม จะเจริญ จะสงบ ร่มเย็นเป็นสุข

ไม่ใช่เพื่อให้ใครหันมามอง ในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราจริงๆ

สมมติคุณทำได้.. คุณสวมบทบาทใหม่ แปลงโฉมตัวเองใหม่
แล้วคุณจะมีความสุขเทียมๆไปได้อีกนานเท่าไหร่

บอกให้ก็ได้.. ว่าผมเคยทำแบบที่คุณคิดมาแล้ว
6 ปีให้หลัง ผมถึงรู้ว่า ผมเสียเวลาเปล่า

เป็นตัวเรา ในภาคที่ดีที่สุด ดีกว่าเป็นคนอื่นที่แสนดี แต่ไม่ใช่ตัวเรา

ใครจะชอบไม่ชอบ ก็แล้วแต่เขานะครับ
ใครจะทิ้งเราไปเพราะเราเป็นเรา ก็ปล่อยเขาไปเถอะ

แต่ตัวเรา.. อย่าทิ้งตัวเราเอง... นะครับ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=02-04-2006&group=2&gblog=91

นิยามของความรัก

นิยามของความรัก




วันนี้.. คนรักเก่าผมแวะมาหาที่ทำงานครับ
บังเอิญเธอมาอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรม ใกล้ๆที่ทำงานผมพอดี

เราไปนั่งคุยกันแป๊บนึง ที่ร้านกาแฟใกล้ๆ..
ผมถามเรื่องคนรักปัจจุบันของเธอ ด้วยความห่วงใย

เธอบอกว่า เธอมีความสุขดี เธอเล่าหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า
คนรักปัจจุบันของเธอก็ดูเป็นคนดี มีอนาคต ดูแลเธอดี ใส่ใจ แม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้

โดยสิริรวม เธอมีความสุขดีครับ

ตลอดเวลาที่นั่งฟัง.. ผมคอยสังเกตจิตตัวเอง
ผมไม่เห็นแววของความอยากได้เธอกลับมาเลย

ไม่ใช่เพราะไม่รักหรอกนะครับ ผมยังรัก และผมก็รู้ว่าเธอก็ยังรักผมอยู่เหมือนกัน
เพียงแต่ ความรักของผมกับเธอ มันกลายเป็นความรู้สึกปรารถนาดีต่อกัน

ผมยินดีจริงๆ ที่เธอมีชีวิตที่ดี มีความสุขกับคนที่เธอรัก
แค่ได้ยินแบบนั้น ก็พอแล้ว สบายใจแล้ว

หลังๆ ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ..
นึกรักใคร่ชอบพอใคร ก็รู้สึกว่า ไม่ต้องมาเป็นแฟนผมก็ได้
เป็นแฟนใครก็ได้ ถ้าเธอมีความสุข เขาดูแลเธอดี

ขอให้ผมรู้แค่ว่า เธอเป็นสุขดีแล้ว.. ผมก็สบายใจแล้ว.. พอแล้ว

เคยมีพระรูปนึง ท่านบอกผมว่า..
ใครที่บอกว่ารักเรามากเหลือเกิน มากจริงๆ
จนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นคนรักของเรา
ได้เป็นแฟน ได้แต่งงาน น่ะ.. เขาไม่ได้รักเราจริงหรอก

แต่เขารักตัวเองมากต่างหาก..
เพราะใครคนนั้นอยากเป็นคนรักของเรา อยากเป็นเจ้าของเรา
เพราะเขาคิดว่า ถ้าได้เราเป็นแฟน เป็นคนรัก เป็นสามี เป็นภรรยา แล้วเขาจะมีความสุข

หรืออย่าง คนที่ขี้หึงมาก มักจะพูดเสมอว่า หึงเพราะรัก ถ้าไม่รักจะไม่หึงเลย..
ถ้าเอาคำพระท่านมาอธิบาย ก็ต้องบอกว่าเขาพูดถูกครึ่งนึง

เพราะเขาหึงเพราะรักจริงๆ แต่เพราะรักตัวเอง.. ไม่ใช่รักคนอื่น
เพราะไม่อยากให้คนรักปันใจให้คนอื่น หรือมีคนอื่นมาแย่งไป
เพราะรักตัวเอง ไม่อยากเป็นทุกข์ ที่ต้องสูญเสียคนรัก
ไม่ได้มองว่า.. ถ้าเขาอยู่กับคนอื่น จะมีความสุขมากกว่าอยู่กับเรา ก็น่าจะให้เขาไป

พูดง่ายๆ ก็คือ ความรักแบบทางโลก มันก็ยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่

แต่นิยามของ "ความรัก" ของแต่ละคน อาจจะต่างกันได้พิสดารแบบที่เรานึกไม่ถึง
โดยไม่จำเป็นต้องบอกว่า ของใครถูก ใครผิด

ว่าแต่.. นิยามรักของคุณเป็นยังไงกันมั่งครับ ?


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=15-11-2006&group=2&gblog=7

คู่มือความรัก

คู่มือความรัก





ถ้าความรักมันสร้างขึ้นได้อย่างในเพลงนี้คงดีนะครับ Recipe For Love
Recipe แปลว่าคู่มือหรือสูตรปรุงอาหารน่ะครับ

เหมือนคุณดูรายการทีวีของคุณหมึกดำ หมึกแดง หรืออาจารย์ยิ่งศักดิ์ เรื่อยไปจนถึง Jamie Oliver
ทั้งรายการส่วนมาก ก็จะพูดเรื่องส่วนผสมและวิธีการปรุงอาหาร ที่เรียกว่า Recipe
ออกเสียงว่า เรซ-ซิพ-พี่

อยากมีความรักเมื่อไหร่ก็เข้าครัวเปิดคู่มือ ปรุงมันเดี๋ยวนั้น

ที่จริงจะพูดว่ามันปรุงไม่ได้ก็ไม่ถูก เพราะความรักปรุงได้
แต่มันต้องมีก่อน ถึงจะปรุงได้

เหมือนดึกๆ คุณอยากกินสปาเก็ตตี้เบค่อน ได้ไหม.. ได้ซี่
แต่ในครัวมันต้องมีสปาเก็ตตี้ กะเบค่อนอยู่นะ ถึงจะปรุงได้

ถามว่า..แล้วไอ้ความรักนี่จะไปหามาจากไหนล่ะ..
อันนี้แหละครับ ที่ผมบอกว่ามันปรุงขึ้นมา สร้างขึ้นมาไม่ได้

ผมเคยได้ยินบทหนังเรื่องไหนสักเรื่อง จำชื่อเรื่องไม่ได้
เขาบอกว่า.. ที่จริง เราเลือกไม่ได้ที่จะรักหรือไม่รักใครหรอก
ความรักต่างหากที่เลือกเรา

ฟังแล้ว..เออออว่ะ.. จริงของคนเขียนบทมัน

ฉะนั้น ถ้าให้ผมเขียนคู่มือของคนที่จะมีความรัก
ข้อแรกที่ต้องใส่ไว้คือ.. ความรักมันสร้างขึ้นไม่ได้
มันจะค่อยๆก่อตัว หรือมันจะไหลมาเทมา เราไม่ได้เป็นคนกำหนด

ข้อสอง.. ความรักเป็นเรื่องของอารมณ์ อารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่คงที่
แม่ก็ไม่ได้รักลูกเท่ากันทุกวันฉันใด แฟนก็ไม่ได้รักเราเท่ากันทุกวันฉันนั้น

วันนั้นมันน่ารัก ทำตัวดี ก็รักมันมากหน่อย
วันไหนมันทำให้เราน้อยใจ ความรักมันก็แห้งๆไปได้เหมือนกัน

หรือวันนี้มันเคยรักเราจนแบกเขาพระสุเมรุได้ทั้งลูก
ก็อย่าคาดหวังว่ามันจะแบกไว้ตลอดปี ตลอดชาติ

กล้ามเนื้อคนเรามันมีวันล้าได้ ความรักก็เหมือนกัน
มันเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย อย่าคิดว่าอะไรๆ มันจะคงที่

ข้อสาม.. ถ้าความรักมันเลือกเราแล้ว
อย่าลืมดูด้วยว่า มันเลือกคนที่เรารักด้วยหรือเปล่า

ถ้ามันจะเป็นรักข้างเดียว ก็อย่าบ่น อย่ารู้สึกแย่กับตัวเองมากนัก
ผมเคยเขียนเรื่องเหรียญสองด้านจำได้ไหมครับ

ถ้าวันนี้เหรียญออกด้านก้อย เราอาจจะไม่โชคดีในด้านนึง
แต่ในอีกด้านของเหรียญ มันก็มีด้านหัวอยู่ด้วยเสมอ ไม่เคยหายไปไหน

ในโชคดี ก็จะมีข้อเสีย ในโชคร้าย ก็จะมีข้อดี พ่วงติดมาเสมอ
อยู่ที่เราจะเลือกพลิกอีกด้านของเหรียญมามองหรือเปล่า

ข้อสี่.. ถ้าคุณโชคดี ความรักเลือกคุณและเลือกคนที่คุณรักด้วย
รักษามันให้ดี ช่วงเวลาดีๆ ไม่ได้มีตลอดไป
เหมือนรายการนาทีทอง ไม่ได้ออกอากาศทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ถ้าความสัมพันธ์ที่ดี เหมือนอาหารจานนึง
อย่ากังวลว่ามันจะหมด เพราะตราบใดที่วัตถุดิบ อันประกอบด้วย ความรัก
ความอาทรห่วงใย ความหวานมัน ความเชื่อใจ ความเข้าใจ
มันยังบริบูรณ์ดี ไม่มีบกพร่อง เรายังสามารถปรุงจานใหม่ได้ตลอดเวลา

ฉะนั้น เมื่อมีวัตถุดิบ รีบปรุงซะ อย่าหมัก อย่าดอง มันจะเสียคุณค่าอาหาร

ข้อห้า.. อยู่กับความรักด้วยสติ คืออยู่อย่างเข้าใจธรรมชาติของมัน
รู้ว่าคนเราเกิดมาเพื่อพบกันชั่วครั้งคราว แล้วก็ต้องพลัดพรากกันในที่สุด

นานที่สุด ก็จนสิ้นอายุขัยในชาตินี้ แล้วจะได้เจออีกทีเมื่อไหร่ไม่รู้
เพราะเราทำบุญ ประกอบกรรมมาไม่เท่ากัน

หรือบางที อาจต้องพลัดหลงกันไป ตั้งแต่ยังมีลมหายใจ ก็เห็นตัวอย่างอยู่ทุกวัน
ฉะนั้น อย่าตั้งเป้าว่า คุณจะต้องอยู่กับเขานานเท่าไหร่

อย่าตั้งเป้าว่า.. ชาตินี้คุณจะมีเขาไปตลอดทุกลมหายใจ
แต่ขอให้ตั้งเป้าว่า เราจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน
เราจะดูแลกัน สร้างเหตุและปัจจัยเกื้อหนุนความสัมพันธ์ให้ดี

ให้เขามีวันเวลาที่ดีที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่กับเรา
จะแค่คืนเดียว อย่างใน Before Sunrise
หรือเดือนเดียว อย่างใน Sweet November ก็ไม่เป็นไร

ขอให้วันนึง.. เรามองย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้
แล้วไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำให้เขา
และไม่ต้องเสียใจที่ทำอะไร ในสิ่งที่ไม่ควรทำ ก็พอ

หมายเหตุ.. อันนี้เป็นมุมมองจากประสบการณ์
ของคนไม่มีโชคในความรักนะครับ ไม่ต้องเชื่อก็ได้

เพียงแต่ การเป็นคนแพ้บ่อยๆ ก็ดีแบบนี้แหละ
เรามักจะได้เห็นอะไร ที่คนชนะบ่อยๆ เขาไม่ได้เห็น
หรือที่เขาเห็น แต่เขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องใส่ใจ

ไม่ได้แปลว่า ผมไม่มีคนมารักเลยนะ
แต่ผมระวังที่จะเปิดประตูให้คนเข้ามาในชีวิต
เพราะบางที ข้างหลังกำแพงของผม มันอาจจะไม่ใช่บ้านที่สวยงาม
มันเชย มันอาจดูเก่า ซอมซ่อ ผุพัง ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะรับได้

และกระนั้น..ไม่ใช่ทุกคนที่ผมจะยินดีถ้าเขาจะอยู่

มีคนเคยวิเคราะห์ผมถูกต้องว่า.. ที่จริงผมอยากมีแฟนนะเนี่ย
แม่นแล้วครับ.. อยากมี.. เห็นตัวอยากของตัวเองอยู่ทุกวัน

แล้วอาจจะดูหลงตัวเองไปหน่อย แต่ผมรู้ว่า ถ้าไม่เลือกมากผมจะมีเมื่อไหร่ก็ได้
แต่.. ในความไม่สมบูรณ์ของผม ผมก็ยังขอเลือกอยู่ดี

ไม่ใช่แค่ใครก็ได้สักคนที่รักผมมากๆ มันมีปัจจัยอื่นอีกด้วย
ผมไม่ได้อยากมีแฟนสวยแบบอั้ม พัชราภา หรือน้องแพนเค้ก
แต่ชอบคนดูดี ที่จิตใจน่ารัก ความคิดน่ารัก ฉลาด

ผมอยากกินสปาเก็ตตี้ มัสหมั่น ถ้าไม่มีผมก็ยอมอด
ดีกว่าบอกผมว่า มีข้าวไข่เจียว แกงเลียง ก็กินๆไปเหอะ

อันนี้คือสิ่งที่คู่มือของผมบอกไว้
แม้จะรู้ตัวว่ากำลังจะอดตาย พะงาบๆในเร็ววันนี้ก็ตาม

โชคดีกันทุกท่านนะครับ เพี๊ยงงง


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=16-08-2007&group=2&gblog=224

คู่แท้

คู่แท้



บล็อคนี้ จัดให้ตามคำขอ

"พูดแล้วแพนก็คิดถึง แนวคิดที่ตัวเองพยายามเอามาปรับใช้อยู่
เรื่องความสมกัน ทั้ง 4 ทางพุทธศาสนาของคู่รัก คือ
ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา ที่ควรจะมีเท่าเสมอกัน
เพื่อความรักที่เสริมส่งกันในทางที่ดี

เลยคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้พี่ aston มาเขียนแนะนำให้เพื่อนๆอ่านกันด้วยค่ะ"



เรื่อง "คู่แท้" หรือโซลเมท นี่เป็นประเด็นยอดฮิตมานาน
เพราะมนุษย์มีธรรมชาติของความอยากมีคู่ ในโครโมโซมปกติ

มีคนบอกว่า คู่แท้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรัก เป็นแฟนเสมอไป
บางทีอาจจะเป็นพี่ น้อง เพื่อน พ่อ แม่ ก็ได้
อันนี้พูดให้หลายคนโล่งอก เป่าปากปู้ดดดด ว่า.. เออ.. แบบนี้ชั้นก็เจอแล้วดิ

อ่ะ.. แต่พูดแบบนั้น เดี๋ยวบางคนจะว่าผมเป็นองุ่นเปรี้ยว หาทางแก้เกี้ยวให้ตัวเอง
งั้นพูดถึงโซลเมท คู่แท้ ในกรณ๊คนรักก็ได้เอ้า..

ว่าแต่ คู่แท้ของคุณผู้อ่านที่เจอแล้ว หรือยังไม่เจอ มีลักษณะเป็นยังไงครับ

คนที่(คิดว่า)เจอแล้ว ก็อาจจะง่ายหน่อย
คนที่ยังไม่เจอ ก็ยังต้องดูๆกันต่อไปให้คันๆเล่น

แต่ไม่ว่าคู่แท้ในจินตนาการของคุณ จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
จะโคตรทรหดเหมือน my sassy girl, The Classic หรือ A Moment To Remember

หรือมาแบบเหนือจินตนาการอย่าง Il Mare, Be With You
หรือจะฮอลลีวูดหน่อยๆ อย่าง When Harry Met Sally, French Kiss, Serendipity, Sleepless In Seatle

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้ทรงให้แนวทางการมีคู่แท้ไว้ว่า
พึงมีความเสมอกันใน 4 ประการ คือ ศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญา

(แก้ไขให้ใหม่แล้วนะครับ อะไรมันจะก่งก๊งได้ขนาดนั้น
ขอบพระคุณที่ทักท้วงมานะครับ)

ศีล คือวิธีการดำเนินชีวิตปกติ
ข้อนี้จะเข้าใจง่าย เพราะคนทั่วๆไป ถ้าบอกว่า
คนเราควรหาแฟนที่มีวิถีชีวิตใกล้กัน ส่วนมากจะนึกออกเลย ว่าเพราะอะไร

ศีลในประเด็นนี้ ไม่ได้หมายความแค่ศีล 5 ศีล 8
แต่หมายถึงการใช้ชีวิตปกติธรรมดาของคน 2 คน ว่าเข้ากัน หรือต่างกันขนาดไหน

เช่นคนชอบเที่ยวกลางคืน ย่อมอยู่กับคนชอบเที่ยวกลางคืนได้
แต่อยู่กับคนที่ไม่ชอบเที่ยว ชอบอยู่แต่บ้านชอบไปวัด ลำบากครับ

คนชอบสูบบุหรี่ ย่อมอยู่กับคนชอบสูบบุหรี่เหมือนกันได้
แต่อยู่กับคนไม่สูบบุหรี่ เหม็นบุหรี่ แพ้บุหรี่ ลำบากครับ

อันนี้ยกตัวอย่าง แบบที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องศีล 5 โดยตรง
ถ้าเกี่ยวโดยตรง อย่างคนที่ถือศีล 5 เคร่งครัด ไม่ฆ่าสัตว์
เกิดมีสามีชอบเข้าป่า ยิงนก ยิงสัตว์ จะทรมานใจมากครับ

นี่คือเหตุว่า ทำไมคู่รักที่ดี จึงควรมีศีลเสมอกัน

ศรัทธา อันนี้ตรงตัว คือศรัทธาในพุทธศาสนา
ผมรู้จักเพื่อนบางท่านที่แต่งงานกับคนต่างศาสนาที่ใจไม่กว้าง
เวลาจะมาปฏิบัติ จะไปวัด ต้องแอบๆ นึกแล้วก็ชวนถอนใจ

หรือแม้แต่คนที่เป็นศาสนาเดียวกัน ถ้าต่างแนวกันก็ยังลำบาก
ไม่ต้องพูดถึงคาธอลิคกับโปรเตสแตนท์
ไม่ต้องพูดถึงซุนหนี่ กับชีอะห์
เอาแค่จานบิน กับสันติอโศก ก็เหนื่อยแล้ว

อันนี้ไม่ได้บอกว่า จานบิน กับสันติอโศก อันไหนดีไม่ดีนะครับ
แค่บอกว่า คิดต่างกันศรัทธาต่างกัน คุยกันแล้วมันเหนื่อย




จาคะ คือการสละ การคลายจากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่มี
ข้อนี้มองเผินๆ อาจจะคล้ายๆ "ทาน" แต่ต่างกันนิดหน่อย

แต่ทานเป็นเรื่องของการหามา แล้วจึงให้ อย่างสังฆทาน
เราก็ไปจัดหา จัดซื้อ จัดเตรียม เพื่อให้ไป
จาคะเป็นเรื่องของการสละ สิ่งที่มีอยู่เดิมแล้ว
สิ่งที่เรายึดมั่นว่าเป็น "ของเรา" ออกไป

อันนี้ถ้าผมตีความผิด ผมขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ

ข้อนี้ผมว่ามันสะท้อนถึง "ทัศนคติ" ด้วย
คนที่ยึดมั่นถือมั่นแรงกล้า จะมีอัตตาแรง อารมณ์แรง
มีความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสูง ขี้หึง ขี้วีน

ปัญญา คือความคิดความอ่าน ความเข้าใจและมุมมอง
ทั้งในเรื่องทางโลก และทางธรรม

คนที่เข้าใจอะไรเสมอกัน ย่อมอยู่กันอย่างสบายใจราบรื่น
มากว่าคนที่มองทุกอย่างในมุมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

เพื่อนๆ น้องๆหลายคน รวมถึงตัวผมด้วย
ต่างก็รู้สึกว่า ถ้าจะต้องมีคู่อีกในชาตินี้
ขอแบบที่ฝักใฝ่ในการปฏิบัติแนวทางเดียวกัน
ก็ด้วยเหตุนี้ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องบาปบุญ
เรื่องนรก สวรรค์ เรื่องกรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

ไปจนถึงเรื่องความแตกต่างของสมถะ กับวิปัสสนา
หรือวิธีเดินไปสู่ พระนิพพาน

หรือถ้าเป็นปัญญา ความเข้าใจทางโลก
ก็อย่างเรื่องทักษิณ เรื่องคมช. เรื่องรับไม่รับ
ถ้าเข้าใจหรือเห็นไม่ตรงกัน มันเหนื่อยพิกลเลยทีเดียวเชียว

เว้นแต่จะเห็นได้ว่า คนเราคิดต่างกันได้
และเคารพความคิดของกันและกันได้จริงๆ

ใครที่มีคู่อยู่แล้ว รู้สึกว่ามันตะกุกตะกักเหลือเกิน
ลองพิจารณาดูว่า 4 ข้อที่ว่า มันไม่เสมอกันข้อไหนบ้าง จริงไหม

แต่ถ้าคุณเป็นคู่ที่แสนสุขสมนั่งชมวิหค
ก็ลองพิจารณาดูว่า เป็นเพราะ 4 ข้อนี้เสมอกันจริงๆใช่ไหม

เวลาบอกว่าเสมอกันนี่ ไม่ใช่ว่าต้อง 100% เป๊ะ
บางคู่ ได้ 3 ใน 4 ก็แฮปปี้แล้ว
เพียงแต่ยิ่งเปอร์เซนต์ของความเสมอกันมากเท่าไหร่
ระดับความสุขในชีวิตคู่ก็มากขึ้นเท่านั้น

ถ้ายังไม่เจอ ก็ทำบุญไปพลางๆก่อนนะครับ
ของแบบนี้ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าล่ะน่า

วันนี้นึกถึงเพลงนี้อีกแล้ว It Never Happened before ของลุงพอล แมคคาร์ทนีย์


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=25-08-2007&group=2&gblog=228

Music and Lyrics เหตุผลที่คนรักกัน

Music and Lyrics เหตุผลที่คนรักกัน






พระพุทธเจ้าบอกว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีทุกข์

เจอโรม เคิร์น นักแต่งเพลงระดับตำนาน เคยบอกว่า
ยามที่ไฟรักลุกโหมทรวง ควันมันจะเข้าตาเรา
ในเพลงชื่อ Smoke Gets In Your Eyes

วงร็อคชื่อ นาซาเร็ท บอกว่า Love Hurts
เดอะ แน็ค เคยร้องเพลงชื่อ How Can Love Hurt So Much

เดอะ สกายไลนเนอร์ เคยบรรยายความปวดร้าวยามไม่มีเธอ
ว่ามันไม่มีอะไรเหลือเลยในชีวิต ในเพลง Since I Don't Have You

เบิร์ท แบคแครท เคยเขียนเพลงชื่อ I'll Never Fall In Love Again
บอกว่า.. รักแล้วไม่เห็นมีอะไรดี มีแต่ข้อเสีย

เหมือนที่ดิออน วอร์วิค เคยร้องว่า ฉันจะไม่รักใครแบบนี้อีกแล้ว
I'll Never Love This Way Again

แล้วทำไม..ใครๆ ก็ยังอยากมีความรัก?

ความสงสัยนี้อยู่คู่โลกมานาน เหมือนที่มีเพลงอย่าง
Why Do Fools Fall In Love? ของแฟรงกี้ ไลมอน

ผมเป็นคนชอบดูหนังรักตลก ที่เขาเรียกโรแมนติค คอเมดี้
แต่ Music and Lyrics เป็นหนังที่ผมเพิ่งจะได้ดู เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เหตุผลคือ ไม่กล้าไปดูในโรงคนเดียว
เวลาไปดูหนังรักคนเดียว มันวังเวงจะตายไป
ยิ่งโมแรนติคเท่าไหร่ ก็ยิ่งวังเวงมากเท่านั้น

แต่ดูแล้วอยากตบกระโหลกตัวเองว่าทำไมเพิ่งยอมดู
เพราะหนังมันน่ารักมากนะครับ

เรื่องของนักร้องหนุ่มใหญ่ที่เคยดังเมื่อยี่สิบปีก่อน
แต่ตอนนี้ชีวิตง่อนแง่นกระท่อนกระแท่นเต็มทน
จนได้โอกาสทองหล่นตุ๊บมาตรงหน้า เมื่อซุปเปอร์สตาร์สาวน้อยที่เคยเป็นแฟนเพลงของเขายื่นโอกาสให้

โดยเขามีเวลาไม่กี่วันจะต้องเขียนเพลงรักใหม่ให้เธอร้องคู่กับเขาหนึ่งเพลง

พระเอกก็หัวหมุน เพราะตัวเองเก่งแต่เรื่องดนตรี แต่เขียนเนื้อร้องห่วย
แล้วยังฝังใจกับอาการแป้กของอัลบั้มเดี่ยว ชุดเดียว ที่ไม่เคยมีใครอยากซื้อนอกจากแม่

แล้วนางเอก ก็โผล่มาในฐานะคนดูแลต้นไม้
ที่ห่วยจนแยกไม่ออกว่าต้นไหนจริง ต้นไหนพลาสติค
แถมยังทำต้นไม้พระเอกตายหมด.. ยกเว้นต้นที่เป็นพลาสติค

แต่ในระหว่างที่ต้นไม้ในอพาร์ตเมนท์ของพระเอกค่อยๆตายไป
ต้นรักในใจของสองคน กลับเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

เล่าแค่นี้นะครับ .. เดี๋ยวจะมีคนปาหมอนว่าผมทำให้เขาดูไม่สนุก

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากหนังเรื่องนี้คือ
ไม่มีใครเลยที่เป็นคนสมบูรณ์แบบ
การที่คนสองคนรักกัน ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย

แต่เพราะอีกฝ่ายทำให้ตัวเราสมบูรณ์ขึ้น
และอาจบางที ความรักที่แท้จริง คือการรักในความไม่สมบูรณ์ของคนๆนั้นนั่นแหละ

ดนตรีเปล่าๆท่อนนึง คงไม่มีความหมายอะไรถ้าขาดเนื้อร้อง
ส่วนคำร้อง ก็เป็นได้ดีที่สุดแค่บทกวี ถ้าไม่มีทำนอง

ในเรื่องมีเพลงเพราะหลายเพลง
แต่ผมเทใจให้เพลงนี้ Don't Write Me Off

เพราะมันเหมาะกับคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างผม
ที่คงไม่โชคดีอย่างพระเอกในเรื่อง ที่เจอเนื้อร้องที่ลงตัว

C'est La Vie ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ

ใครที่เจอคนที่เติมเต็มชีวิตคุณได้พอดีแล้ว
คนที่รักในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณได้
และคุณก็เป็นส่วนเติมเต็มให้ชีวิตเขาได้พอดี
รักในความไม่สมบูรณ์แบบของเขาได้ ด้วยความสบายใจ
อยู่กันได้ด้วยความจริงใจ ไม่ปรุงแต่ง
โปรดรักษาเขาไว้ให้ดีนะครับ

ต้นไม้พลาสติคอาจจะทานทน
แต่หัวใจคนไม่ใช่พลาสติค..นะครับ

สุขสันต์วันที่ยังมีรักอยู่บนโลกครับ